ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๕๓ : พงศาวดารเมืองสงขลา ตอนที่ ๒

ฉบับเจ้าพระยาวิเชียรคิรี (บุญสังข์)

แต่งเมื่อปีวอก จุลศักราช ๑๒๒๑

@ วันเสาร์เดือนสิบเอ็ดขึ้นห้าค่ำ ปีมแมนักษัตรเอกศก จุลศักราช ๑๒๒๑ เพลา ๔ โมงเช้า นั่งพร้อมกัน ณ จวนพระสุนทรนุรักษ์ ๑ พระสมบัติภิรมย์ ๑ หลวงนุรักษ์ภูเบศร์ ๑ หลวงวิเศษภักดี ๑ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา ๔ หลวงเพ็ชรคิรีราชสงครามปลัด ๑ หลวงเทพนรินทร์อินทร์เดชะ ยกรบัตร ๑ หลวงเทพสุรินทร์อินทรเสนา จ่ามหาดไทย ๑ หลวงพลฤทธิพิไชย ๑ หลวงเทพมณเฑียร น่าวัง ๑ หลวงพิทักษ์ โกษา คลัง ๑ หลวงทิพมนตรีศรีราชสมโภช กรมนา ๑ หลวงเพ็ชรบุรีศรีราชวังเมือง นครบาล ๑ หลวงพิไชยเสนา สัสดีกลาง ๑ หลวงเทพเสนา สัสดีขวา ๑ หลวงไชยปัญญา สัสดีซ้าย ๑ หลวงไชยสุรินทร์ มหาดไทยกลาง ๑ หลวงอินทรอาญา นครบาลใน ๑ หลวงเพ็ชรพยาบาล กรมช้าง ๑ หลวงพิทักษ์โยธา ๑ หลวงบำรุง ชลธาร์ ๑ หลวงท้ายวัง ๑ หลวงบำรุงอากร ๑ ขุนเทพอาญา มหาดไทยศาลา ๑ ขุนเทพสุภาแพ่ง ๑ ขุนสรพากร ๑ ขุนแก้วเสนา ๑ กรมการ ๒๒ หลวงศรีปดุการายามฆาหลี ๑ หลวงสุริยวังษา ๑ หลวงฤทธิเทวา ๑ ขุนวิเศษวาที ๑ ล่ามเมืองสงขลา ๔ รวมกัน ๓๐ ชื่อ

@ เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา โปรดสั่งว่าเรื่องราวการเมืองสงขลาแต่ก่อนได้จัดแจงทำขึ้นไว้ เมื่อครั้งพณหัวเจ้าท่าน เจ้าพระยาอินทรคิรีสมุทสงครามเจ้าพระยาสงขลา ( บุญฮุย ) ที่หนึ่ง๑ ตั้งแต่เปน พระยาสงขลาแลเปนพระยาสงขลามาหลายปีมิได้นับ ๆ แต่เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเลื่อนขึ้นเปนเจ้าพระยาอินทคิรีสมุทสงคราม เจ้าพระยาสงขลา ได้ยกเมืองมาจากเมืองนครแล้วครองเมืองสงขลาอยู่ ๓๔ ปี ต่อถึงอาสัญกรรม แลพระยาวิเศษภักดีสุรสงคราม ( จ๋อง ) ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาที่ ๒ ครองเมืองสงขลาได้ ๗ ปี แล้วถึงอาสัญกรรม แลพระยาวิเชียรคิรีศรีสมุทวิสุทธิศักดา มหาพิไชยสงคราม รามภักดีพิริยพาหะ ( เซ่ง ) ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาที่ ๓ ได้ครองเมืองอยู่ ๓๐ ปี แล้วถึงอาสัญกรรม มีแจ้งอยู่ในเรื่องราวแต่ก่อนนั้นแล้ว 

@ ครั้งนี้ได้ให้หลวงศรีสมบัติก๋งโบย หลวงศุภมาตราเซง จัดแจงจดหมายเรื่องราวการเมืองสงขลาไว้ฉบับหนึ่ง เมื่อครั้งเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาที่ ๔ ยังประถมไวยอยู่ อายุได้ ๑๖ ปี เข้าไปถวายตัว เปนมหาดเล็กอยู่ในเวรเดช ก็ตั้งใจทำราชการฉลองพระเดชพระคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว พระพุทธเลิศหล้านภาไลย เปนมหาดเล็กเลวอยู่ ๒ ปี ที่จะได้เพลิดเพลินไปในข้อที่ไม่เปนประโยชน์หามิได้ ละวัน ๆ ครั้นเพลา ๓ โมงเช้า ก็เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุรีพระบาทฟังราชการจนเพลา ๔ โมงเช้า ตรัสประภาษด้วยราชการแล้วเสด็จขึ้น กลับมาบ้านครั้นเพลาบ่าย ๒ โมงเศษ ลงเรือไปทำรายงานสำเภาหลวงที่คอกกระบือ แลบ้านที่อยู่กับอู่ต่อสำเภานั้น พายเรือล่องลงมาแต่เพลาบ่าย ๒ โมงเศษ เที่ยวดูรายงานเสร็จแล้วกลับเข้าไปถึงบ้านพอเพลาพลบค่ำ เพลาทุ่มเศษ เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุรีพระบาทถวายรายงานซึ้งอากึ่งชันหมันต่อสำเภาว่าเพลาวันนี้ได้ทำงานสิ่งนั้นๆ จนสิ้นทุกข้อ แล้วก็เฝ้าฟังราชการจนเสด็จขึ้น เพลา ๔ ทุ่มเศษจึงได้กลับมาบ้าน แต่ทำราชการขวนขวายอยู่อย่างนี้ทุกๆวันมิได้ขาดถึงสองปี รวมกันสี่ปี ณ เดือนเจ็ดปีกุญ ( จุลศักราช ๑๑๗๗ ) กราบถวายบังคมลากลับออกมาเยี่ยมบิดามารดา ณ วันเดือนสิบสองข้างแรม พระราชทานเบี้ยหวัดแก่ข้าทูลลอองธุรีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย ณ กรุงเทพพระมหานคร ภายหลังสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลย ทรงพระกรุณาโปรดเก้ลาโปรดกระหม่อม ตั้งแต่งเลื่อนขึ้นเปนที่พลพ่าย หุ้มแพรนายยามอยู่เวรสิทธิ แต่ตัวยังอยู่เมืองสงขลา แล้วมีรับสั่งออกมาให้เข้าไป ณ กรุงเทพพระมหานคร ครั้น ณ เดือนหกปีชวด ( จุลศักราช ๑๑๗๘ ) เข้าไป ณ กรุงเทพพระมหานคร รับทำราชการอยู่ในที่พลพ่ายหุ้มแพรสองปี ครั้น ณ เดือนยี่ปีฉลู ( จุลศักราช ๑๑๗๙ )เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาที่ ๒ ถึงแก่อนิจกรรม โปรดเลื่อนพระสุนทรนุรักษ์ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลาขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา แล้วตั้งให้นายพลพ่ายมหาดเล็กเป็นหลวงสุนทรนุรักษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา

-------------------------------------------
๑ ตอนนี้ว่าด้วยประวัติของเจ้าพระยาสงขลาบุญสังข์ 

@ ปีขาลสัมฤทธิศก (จุลศักราช ๑๑๘๐) หลวงสุนทรนุรักษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลาถวายบังคมลาออกมาทำราชการด้วยเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา สมเด็จพระพระพุทธเลิศหล้านภาไลยอันได้ปราบดาภิเสวยราชสมบัติได้ ๑๖ ปีแล้วสวรรคต กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ พระราชโอรสผู้ใหญ่ได้ราชาภิเศกเถลิงถวัลย์ราชสมบัติในเดือนแปดปีวอกฉศก (จุลศักราช ๑๑๘๖)

@ ครั้นปีมโรงจัตวาศก (จุลศักราช ๑๑๙๔ ) อ้ายพระยาตานี หลวงปสา เปนขบถ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พณหัวเจ้าท่านเจ้าพระยาคลังว่าที่สมุหพระกระลาโหมยกกองใหญ่ออกมา แล้วเลยลงไปตั้งอยู่ที่บางน้ำจืดแขวงเมืองตานี จัดแจงราชการเมืองตานี เมืองหนองจิก เมืองรามัน เสร็จแล้วกลับเข้าไป ณ กรุงเทพพระมหานคร แลข้อความเมืองตานีเปนขบถนั้นมีแจ้งอยู่ในฉบับต้นซึ่งจัดแจ้งไว้แต่ก่อนนั้นแล้ว

@ ครั้น ณ เดือนห้า ปีมเสงเบญจศก ( จุลศักราช ๑๑๙๕) หลวงสุนทรนุรักษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลาเข้าไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ กรุงเทพพระมหานคร พณหัวเจ้าท่านสมุหพระกระลาโหมแม่ทัพใหญ่กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ได้ให้หลวงสุนทรนุรักษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลาติดตามอ้ายพระยารามัน ได้ตัวอ้ายพระยารามันแลครอบครัวอ้ายพระยาหนองจิกพระยาตานีมามีความชอบอยู่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เลื่อนขึ้นเปนพระสุนทรนุรักษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา แล้วกราบถวายบังคมลากลับออกมา ณ เมืองสงขลา

@ ครั้นเดือนสี่ ปีมแม (จุลศักราช ๑๒๐๙ ) เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ( เซ่ง ) ถึงแก่อนิจกรรม มีท้องตราโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมออกมา ให้พระสุนทรนุรักษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลาว่าที่พระยาสงขลา แล้วให้จัดแจงทำศพเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาให้สมควรด้วยยศถาศักดิ แลพระสุนทรนุรักษ์ ได้เปนผู้ช่วยราชการเมืองสงขลามาจนเจ้าคุณสำเร็จราชการเมืองสงขลาถึงแก่อนิจกรรมได้ ๓๑ ปี แล้วพระสุนทรนุรักษ์ผู้ว่าที่พระยาสงขลาได้จัดแจงศพเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ใช้จ่ายเปนเงินยี่สิบพันมีเศษหกร้อยสี่สิบเหรียญ แล้วเสร็จแต่ในปีรกา เอกศก เจ้าพระยาพระคลังว่าที่สมุหพระกระลาโหม แลพระยาวิชิตณรงค์ ออกมาศักเลขอยู่ปีหนึ่งเสร็จแล้วกลับเข้าไป ณ กรุงเทพพระมหานคร

@ ครั้งนั้นเดือนหก ปีจอโทศก ( จุลศักราช ๑๒๑๒ ) พระสุนทรนุรักษ์ว่าที่พระยาสงขลาเข้าไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ กรุงเทพพระมหานคร ยังหาได้ชุบเลี้ยงตั้งแต่งให้เปนที่พระยาสงขลาไม่ (ในระหว่างนี้มีอ้ายจีนสลัดมาจับหลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ซึ่งอยู่รักษาราชการเมือง ๆ สงขลา ) พอสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร ครั้น ณ วันเดือนห้าขึ้นค่ำหนึ่ง ปีกุญตรีนิศก ( จุลศักราช ๑๒๑๓ ) เสด็จสวรรคต แลสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสวยราชสมบัติอยู่ ๒๘ ปี สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้าฟ้ามงกุฎพระองค์ใหญ่ได้ขึ้นเสวยราชสมบัติ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานนามสัญญาบัตรให้พระสุนทรนุรักษ์เลื่อนขึ้นเปนที่พระยาวิเชียรศิรีศรีสมุทวิสุทธิศักดา มหาพิไชยสงครามรามภักดี พิริยพาหะ ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ถือศักดินา ๕๐๐๐ แล้วพระราชทานพานหมากทองคำเหลี่ยมเครื่องในแปดสิ่งสำรับ ๑ กะโถนทองคำ ๑ คนโททองคำ ๑ ลูกดิ่งทองคำสาย ๑ แหวนพุทธธำมรงค์หัวพระมารวิไชย วง ๑ ตะกุดทองคำสามดอกสาย ๑ กระบี่บั้งทองเล่ม ๑ หมวกตุ้มปี ๑ เสื้อทรงประพาศ ๑ โต๊ะเงินเท้าช้างคาว ๑ หวาน ๑๒ สำรับ สัปทนปัศตูคัน ๑ แลของสำหรับยศทั้งปวงตามบันดาศักดิตั้งแต่ ณ วันพุฒเดือนหกแรมสิบสามค่ำปีกุญตรีนิศกราช ๑๒๑๓ ปี เสร็จแล้วกราบถวายบังคมลากลับออกมา ณ เมืองสงขลา เข้าเมืองแล้วขึ้นบนจวน ณ วันพฤหัศบดีเดือนสิบเอ็ดขึ้นสิบสี่ค่ำเพลาเช้า ๔ โมงเศษ ฤกษ์ราชาพระอาทิตย์อยู่ราษีกันย์ พระจันทร์อยู่ราษีมิน พระอังคารอยู่ราษีเมถุน พระพุฒ พระพฤหัศบดีอยู่ราษีกันย์ พระศุกรอยู่ราษีกันย์ พระเสาร์ราษีเมษ พระราหูอยู่ราษีกรกฎ ลักษณาอยู่ราษีกันย์

@ เมื่อ ณ วันเสาร์เดือนห้าแรมหกค่ำปีชวดจัตวาศก ( จุลศักราช ๑๒๑๔ ) เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา กรมการ พร้อมกันบอกเข้าไปให้นำขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาขอรับพระราชทานครูทหารบืนใหญ่ออกมาให้มาฝึกหัดทหารบืนใหญ่ไว้สำหรับราชการเมือง โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมหมื่นชำนาญอาวุธ นายขำ ชาติพุทเกตครูทหารบืนใหญ่ออกมา ณ เมืองสงขลา ได้ฝึกหัดปืนใหญ่น้อยสำหรับเมือง ชำนาญได้ราชการแล้วๆ บอกส่งหมื่นชำนาญอาวุธ นายขำครูทหารปืนเข้าไป ณ กรุงเทพพระมหานคร

@ ครั้ง ณ วันศุกรเดือนสิบขึ้นหกค่ำ ปีชวดจัตวาศก ได้ทำการศพฉลองคุณ ๆมารดาหกวัน เปน พระสงฆ์สำแดงธรรม พระสงฆ์สวดพระธรรม พระสงฆ์บังสกุล เปนพระสงฆ์สองพันมีเศษห้าร้อยสามสิบเจ็ดรูป ถวายไตรจีวรเครื่องบริขาร ๔๕๓ ไตร ถวายไตรจีวรแลสบงย่ามทุกรูปสองพันมีเศษแปดสิบสี่รูป ได้ทำโรงทานไทยจีนแขกไว้ พระสงฆ์อาคันตุกะซึ่งมาฉันในโรงทาน แลไทยจีนแขกซึ่งมารับทานหกรายวันเปนพระสงฆ์ ๒๐๘๖ รูป ไทยจีนแขกสิบเอ็ดหมื่นมีเศษแปดพันสิบสามคน เงินใช้จ่ายของเบ็ดเสร็จในการศพคุณมารดาเงินแปดพันมีเศษห้าร้อยหกสิบสองเหรียญสองสลึง แล้วได้สร้างพระอุโบสถวัดเทพชุมนุม แลโรงธรรมศาลา บาตหอระฆัง กับทั้งตึกกุฎีใหญ่น้อยทั้งปวงแลโรงฉัน คิดเปนเงินสามพันมีเศษห้าร้อยสิบห้าเหรียญ ครั้ง ณ วันเดือนสี่ขึ้นสิบเอ็ดค่ำ จุลศักราช ๑๒๒๑ ปีมแมเอกศก ได้นิมนต์พระสงฆ์สำแดงพระธรรม ๕ รูป พระสงฆ์เจริญพระปริต ๓ วันแล้วผูกพัทธเสมา ๕๒ รูป ถวายไตรจีวรแพรจีวรผ้ารูปละ ๕๗ ไตร กับเครื่องบริขารในการฉลองลงทุนใช้จ่าย ๕ รายวัน คิดเปนเงินพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบหกเหรียญครึ่ง กับได้ช่วยทาษไว้ให้เปนไวยาวัจกรสำหรับสงฆ์ใช้สอยสองครัว ๆละสามสิบห้าเหรียญ เปนเงิน ๓๐ เหรียญ รวมกันที่ได้บริจาคไว้ในวัดเทพชุมนุมสามรายคิดเปนเงินห้าพันเหรียญครึ่ง แล้วได้ บุรณปฎิสังขรณ์วัดโพเงิน ๓๖๑ เหรียญ วัดศิริวนาวาศ ๕๐๓ เหรียญ รวมกันเป็นเงิน ๙๓๔ เหรียญ แล้วได้จำเริญอายุศมถวายไทยทานแก่พระสงฆ์ แลให้ทานแก่ไทยจีนแขกเป็นใช้จ่ายห้าพันมีเศษเจ็ดร้อยสามเหรียญ ได้สร้างคัมภีร์สิกขาบทสิบคัมภีร์แลสร้างคัมภีร์พระสารสังคหะวินิจฉัยจนจบ เปนเงินร้อยมีเศษสิบเอ็ดเหรียญ แล้วได้ทนุบำรุงยกย่องพระบวรพุทธสาสนา จ้างให้อาจารย์ผู้รู้ธรรมมาบอกพระไตรปิฎิกแก่พระสงฆ์ ณ หอภายในกำแพงจวนมุมหรดิ ปฎิบัติพระสงฆ์ด้วยน้ำชาแลเภสัชเปนต้น แลเงินนิตยภัตสำหรับถวายพระสงฆ์สำแดงพระปาติโมกข์ทุกดับทุกเพ็ญ ๑๒ อารามๆ ละเหรียญเปนเงินเดือนละ ๑๒ เหรียญมิได้ขาด

@ แล้วได้จัดแจงซ่อมแซมกำแพงเมืองแลประตูเมืองตึกดิน แลในจวนนอกจวนต่อก่อร่อถมทรายปลูกฉางใส่เข้าไว้สำหรับราชการ ๒ ฉาง แลต่อก่อตะพานลองขวางแลป้อมรักษาขอบเขตที่ปากน้ำแหลมซายป้อมหนึ่ง ต่อก่อสระศิลาไว้ที่น่าโรงศาลเจ้ามาจ่อ ปลูกบัวสัตบงกชไว้ให้ดอกให้รากให้ผลเปนใบทานตามแต่ผู้จะปรารถนา คิดค่าเปนเงินใช้จ่ายตกแต่งกำแพงเมืองประตูหอรบตึกดินแลในจวน นอกจวน แลต่อก่อตะพานคลองขวางแลป้อมแหลมซาย คิดเปนเงินใช้จ่ายหมื่นมีเศษพัน แลที่ลงธนทรัพย์ใช้จ่ายตกแต่งซ่อมแปลงแลบริจาคทำบุญให้ทานในการกุศลใหญ่น้อยทั้งปวงเมื่อครั้งเจ้าคุณยังไม่เปนผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาก็หาได้ยกขึ้นไม่ว่า ยกขึ้นว่าแต่เมื่อเจ้าคุณเปนผู่สำเร็จราชการเมืองสงขลาแล้ว โดยยกขึ้นว่าเจ้าคุณเปนผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาแล้วก็ดี ยกขึ้นว่าแต่การที่ตกแต่งซ่อมแปลงแลบริจาคทำบุญให้ทานในการใหญ่ ๆ จึงยกขึ้นว่าที่ตกแต่งซ่อมแปลงแลบริจาคทำบุญให้ทานเล็กๆน้อยๆต่างๆตามธรรมเนียมนั้นก็มีอยู่มาก หาได้ยกขึ้นว่าไม่ แล้วเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาที่ประพฤติซึ่งการทั้งปวงแต่ล้วนจะให้ประโยชน์แก่ตนแลผู้อื่นแล้วจึงทำ แลอุสาหะชักนำกระทำสงเคราะห์แก่ญาติแลกรมการชาวบ้านชาวเมืองทั้งปวงให้ชวนกันทำบุญให้ทาน แลช่วยกันทำทนุบำรุงพระบวรพุทธสาสนาให้ทำไร่นาค้าขายหากินแต่โดยสุจริต มิให้คิดลอบลักฉ้อขายซึ้งกันแลกันให้ได้ความยากแค้น ย่อมว่ากล่าวสั่งสอนชักนำให้เปนประโยชน์ในแผ่นดินสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วยกันทั้งสองฝ่าย กรมการทั้งหลายก็พร้อมเพรียง ราษฎรชาวบ้านชาวเมืองลูกค้าวานิชทั้งปวงได้ทำไร่นาค้าขายหากินก็ชุกชุม จะมั่งมียากจนก็สุดแต่บุญกรรมของบุคคลนั้นเอง มิได้เบียดเบียนฉ้อกระบัดเอาพัศดุเงินทองเข้าของ ๆผู้หนึ่งผู้ใดให้ได้ความเดือดร้อนหามิได้

@ เมื่อ ณ วันเดือนหกแรมสิบค่ำปีขาลฉศก จุลศักราช ๑๒๑๖ ได้ต่อกำปั่นวิเชียรคิรีลำหนึ่งใช้จ่ายเงินสิบหกพันมีเศษหกร้อยสี่สิบสองเหรียญ กำปั่นมณีกลอกสมุทลำหนึ่งเงินหกพันมีเศษห้าร้อยหกสิบเหรียญ ณ วันเดือนแปดปีมโรงอัฐศก จุลศักราช ๑๒๑๘ ได้สร้างอุโบสถแลบุรณปฎิสังขรณ์กำแพงศิลาวัดมัชฌิมาวาศลงทุนทรัพย์ใช้จ่ายเปนเงิน ฯลฯ

@ แลเมื่อ ณ วันเดือนห้าแรมสองค่ำ ปีมเมียสัมฤทธิศก หลวงสวัสดิภักดีซึ่งให้เข้าไปรับราชการอยู่ ณ กรุงเทพพระมหานคร มีหนังสือออกมาถึงเมืองสงขลาว่าพณหัวเจ้าท่านสมุหพระกระลาโหมมีพระปราสาทสั่งว่า ณ เดือนแปดเดือนเก้าปีมเมียสัมฤทธิศก พณหัวเจ้าท่านพระสมุหพระกระโหมจะออกมาตรวจดูปากน้ำฝ่ายเมืองปากใต้ แล้วจะมาพักที่เมืองสงขลา ให้จัดแจงปลูกทำเนียบไว้ เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาจัดแจงจากไม้ปลูกทำเนียบไว้คอยรับพณหัวเจ้าท่านสมุหพระกระลาโหมที่แหลมซาย ครั้น ณ วันเดือนเจ็ดแรมสิบค่ำปีมเมียสัมฤทธิศก เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาจัดแจงกำปั้นวิเชียรคิรีให้ขุนพิทักษ์นาเวศเปนนายลำ กำปั้นมณีกลอกสมุทให้หมื่นประสิทธิคงคาเปนนายลำ ให้หลวงอำนาจกำแหงซึ่งเปนหลวงศรีปดุกาคุมกำปั่นวิเชียรคิรี ให้ขุนพรมมนตรี ขุนเสตียนเตหวาคุมกำปั้นมณีกลอกสมุท เข้าไปรับพณหัวเจ้าท่านสมุหพระกะลาโหม ณ กรุงเทพพระมหานคร ณ วันเดือนแปดทุติยาสาธุ ขึ้นค่ำหนึ่งปีมเมียสัมฤทธิศก พณหัวเจ้าท่านสมุหพระกระลาโหมขี่กำปั่นเสนินทรประดิษฐออกมาถึงเมืองสงขลา ได้ขึ้นพักอยู่ทำเนียบซึ่งปลูกไว้คอยรับผู้คนซึ้งติดตามพณหัวเจ้าท่านสมุหพระกระลาโหมออกมา ๕๐๐ คนเศษ เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาให้ตั้งโรงครัวคาวหวานทำของเลี้ยงวันละสามเพลามิให้ขัดสน พณหัวเจ้าท่านสมุหพระกระลาโหมเที่ยวตรวจดูป้อมกำแพงเมืองทั่วแล้วๆ มีพระประสาทสั่งกับเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาว่า ณ เดือนแปดเดือนเก้าปีมแมเอกศก พระบาทสมเด็จบรมนาทรบรมบพิตรพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินออกมาทรงทอดพระเนตรฝ่ายเมืองปากใต้ ให้จัดแจงปลูกพลับพลาไว้คอยรับเสด็จ พณหัวเจ้าท่านสมุหพระกระโหมพักอยู่ที่เมืองสงขลา ๗ ราตรีกับ ๖ ทิวา เอากระบี่ด้ามทองฝักทองอย่างลอนดอนเล่มหนึ่ง เข็มขัดสายหนึ่ง ให้เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา กับยกที่กำแพงเพ็ชร แขวงเมืองพัทลุงให้เปนเขตรแดนแขวงเมืองสงขลา ครั้ง ณ เดือนแปดทุติยาสาธขึ้นเจ็ดค่ำปีมเมียสัมฤทธิศก เพลา ๔ โมงเช้าพณหัวเจ้าท่านสมุหพระกะลาโหมลงกำปั่นไฟกลับเข้าไป ณ กรุงเทพพระมหานคร

@ ณ วันเดือนยี่แรมสิบสี่ค่ำปีเมียสัมฤทธิศก พระวิเศษวังษา ผู้ช่วยราชการเมืองยะหริ่ง เชิญตราพระคชสีห์ออกมาถึงเมืองสงขลา ในท้องตราโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมออกมาว่า มีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสั่งว่า จะเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคทรงเรือพระที่นั่งกลไฟออกไปประพาศทรงทอดพระเนตรตามอ่าวคุ้งหัวเมืองปากใต้ฝ่ายทเลตวันตก ให้สำราญพระราชหฤไทยไปจนถึงเมืองสงขลา ให้เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาจัดแจงปลูกพลับพลาที่ข้างน่าข้างใน ที่สรง ที่เสวย ที่ลงพระบังคน แลท้องพระโรงไว้คอยรับเสด็จ ณ วันเดือนยี่แรมห้าค่ำปีมเมียสัมฤทธิศก เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาให้หลวงพิไชยภัคดีเมืองวังชิง หลวงสรประสิทธิเมืองพตง หลวงนุชิตพิทักษ์เมืองการำ หลวงพิไชยสมบัติเมืองรัตภูมี หลวงอภัยภักดีเมืองพวง คุมไพร่พันเศษขึ้นไปตัดไม้เครื่องพลับพลาที่ควนคลัง จากเกณฑ์หัวเมืองฝ่ายปละท่า ต้องในหลวงเมือง หลวงนา หลวงสิทธิประการจทิงพระ หลวงภักดีบริบาลเมืองพโคะ หลวงรโนฎ เปนจากสิบหมื่น

@ ณ วันเดือนสามแรมสิบสี่ค่ำปีมเมียสัมฤทธิศก นายกลั่นมหาดเล็กถือหนังสือพระยาศรีเสาวราชภักดีศรีสมุหพระกระลาโหมฝ่ายพลำพังออกมาฉบับหนึ่ง ในหนังสือนั้นว่าพณหัวเจ้าท่านสมุหพระกระลาโหมมีบัญชาสั่งว่า พระบาทสมเด็จบรมนารถบรมพิตรพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินออกมาประพาศทรงทอดพระเนตรฝ่ายหัวเมืองปากใต้ไปจนถึงเมืองสงขลา กำหนดจะเสด็จพระราชดำเนินมาถึงเมืองนครศรีธรรมราชเมืองสงขลาในเดือนเก้าข้างขึ้นปีมแมเอกศก ให้เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลามีหนังสือไปหาตัวพระยาแขกหัวเมืองซึ่งขึ้นกับเมืองสงขลา ให้จัดแจงหาของถวายขึ้นมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทให้พร้อมกันที่เมืองสงขลาจงทุกเมือง ในหนังสือพระยาศรีเสาวราชภักดีศรีสมุหพระกระลาโหมฝ่ายพลำพังมีเปนหลายประการ

@ ณ วันเดือนสี่ขึ้นเจ็ดค่ำจุลศักราช ๑๒๒๐ ปีมเมียสัมฤทธิศก เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา กรมการ จัดแจงเกณฑ์ไพร่ห้าร้อยคนให้หลวงสมบัติภิรมย์ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา นายกลั่นนายกิ่งมหาดเล็ก เปนผู้กำกับตรวจตราดูแล ให้หลวงคิรีสมบัติเปนนายช่าง หลวงเทพนรินทร์อินทรเดชะยกรบัตร เปนแม่กอง หลวงขุนหมื่นคุมไพร่แจกจ่ายกันทำ เข้าสารเบิกจ่ายให้ไพร่ทำงานพระราชวังแหลมซายทั้งนั้น เปนของเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาทั้งสิ้น

@ หลวงคิรีสมบัติทำท้องพระโรงใหญ่ ๗ ห้องๆ ละ ๗ ศอก ขื่อศอก เสา ๔ วา ๒ ศอกใหญ่ ๔ กำกึ่ง พื้นต่อก่ออิฐถมทรายปูกระเบื้องน่าวัวเฉลียงสามด้าน เสาหุ้มผ้าแดงเลือดนก มีบัวปลายเสาทุกเสา เฉลียงฝาเซี้ยมเมืองจีนมีประตู ๘ ประตู ลับแลเมืองจีนประตูละอัน ๘ อัน มีน่าต่างรูปไข่ ๘ น่าต่าง ฝาชั้นในประทับผ้าลายต่างสี อัฒจันทร์ขึ้นลงต่อก่ออิฐปูกระเบื้องน่าวัว เพดานผ้าขาวมีระบาย ๓ ชั้น พัดแพรชักวาตา ๒ อัน มีช่อฟ้าหางหงษ์ใบระกากะจังจวน หลังคาแลน่าจั่วหุ้มผ้าแดง

@ หลังเสวย ๕ ห้องๆละศอก ขื่อ ๓ วา เสา ๔ วา ๒ ศอก ใหญ่ ๔ กำกึ่ง เฉลียง ๒ น่า พื้นสูง ๒ ศอก ต่อก่อถมดิน ปูกระเบื้องน่าวัว ฉากกระจกกั้นห้อง อัฒจันท์ขึ้นลงลาดดีบุกฝากะแชงอ่อน บานประตูบานน่าต่างแมฝาไม้สายบัว ผ้าลายต่างสีประทับฝาชั้นใน มีประตู ๔ ประตู น่าต่าง ๘ น่าต่าง เสาหุ้มผ้าแดงเพดานผ้าขาวมีระบาย ๓ ชั้น พัดชักวาตา ๒ อัน มีช่อฟ้าหางหงษ์ใบระกากะจังล้วน หลังคาหน้าจั่วหุ้มผ้าแดงหลังท้องพระโรงกลาง ๓ ห้องๆ ละ ๗ ศอก ขื่อ ๑๐ ศอก เสายาว ๔ วา ๒ ศอกใหญ่ ๔ กำกึ่งเฉลียง ๒ ด้าน พื้นสูงศอกคืบต่ออิฐถมทรายปูกระเบื้องน่าวัวอัฒจันท์ขึ้นลง ๒ ด้านต่อก่ออิฐปูกระเบื้องน่าวัว ฝากะแชงอ่อน บานประตูน่าต่าง เช็ดน่าประตูเช็ดน่า ๆต่าง แม่ฝาไม้ลายบัว ผ้าลายต่างสีประทับฝาชั้นในเสาหุ้มผ้าแดงมีประตู ๒ ประตู น่าต่าง ๔ น่าต่าง เพดานผ้าขาวมีระบาย ๓ ชั้นหลังคาหุ้มผ้าแดงมีช่อฟ้าใบระกากะจังรวน หลังประธม ๕ ห้องๆ ละ ๗ ศอก เฉลียง ๓ พื้น ด้านสูงสองศอกต่อก่ออิฐ อัฒจันท์ขึ้นลงต่อก่ออิฐลาดดีบุกมีราวเหล็ก ฝาเซี้ยมกั้นห้องประธมฝากะแชงอ่อน บานประตูบานน่าต่าง เช็ดน่าประตูเช็ดน่า ๆ ต่าง แม่ฝาไม้ลายบัว ชั้นในประทับผ้าลายต่างสี ประตู ๓ ประตู น่าต่าง ๑๐ ต่าง เสาหุ้มผ้าแดง เพดานผ้าขาวมีระบาย ๓ ชั้น พัดแพรชักวาตา ๒ อัน หลังคาน่าจั่วหุ้มผ้าแดงมีช่อฟ้าใบระกาหางหงษ์กะจังรวน กำแพงกระเบื้องปรุกำแพงแก้ว กำแพงประตูหูช้างทาปูนวาดเขียน เสาธงแลศาลเทพารักษ์ต่อก่ออิฐแทนปูน หลังจอมข้างใน ๔ หลังๆ ละ ๓ ห้องๆ ละ ๕ ศอก เสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๖ ศอก มีกระดานปั้นลมฝากะแชง อ่อน กับประตูปันยะปละบูรพ์ประตูหนึ่ง ต้องหลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา ให้ขุนสมุห์บาญชีคุมไพร่ทำ

@ หลังเจ้าจอมผู้น้อยด้านบูรพ์ด้านปัจจิม ๒ หลัง ๆ ละ ๗ ห้องๆ ละ ๕ ศอก เสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๖ ศอก กับโรงราชยานข้างประตูฉนวนปละบูรพ์โรงหนึ่ง ข้างประตูย่ำค่ำโรงหนึ่ง โรงละ ๕ ห้องๆ ละ ๕ ศอก เสา ๙ ศอก ขื่อ ๖ ศอก ต้องหลวงวิเศษภักดีผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา ให้นายกองญวนคุมไพร่ทำ

@ โรงใส่ของ ๒ หลัง ๆ ละ ๖ ห้องๆ ละ ๕ ศอก เสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๖ ศอก มีเฉลียงน่ามีปั้นลมทุกหลัง ฝากะแชงอ่อน กับประตูปันยะข้างปัจจิมต้องนายกลั่นมหาดเล็ก ให้ขุนจำนงโยธีคุมไพร่ทำ

@ หลังเจ้าจอมหม่อมแม่ลคร แลหลังเถ้าแก่ผู้ใหญ่หลังหนึ่ง สองหลังๆ ละ ๕ ห้องๆ ละ ๕ ศอก เสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๖ ศอก มีเฉลียงน่าทุกหลัง กับประตูปันยะโรงหัวโตก ต้องหลวงอภัยภักดีเมืองพวงให้ขุนศรีอาญาทำ

@ หลังเฉลียงสองชั้นสี่ห้องหลังหนึ่ง เสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๖ ศอก กับประตูปันยะด้านทักษิณต้องนายคงทำ

@ ท้องพระโรงข้างในหลังหนึ่ง ๓ ห้อง ๆ ละ ๕ ศอก มีเฉลียงรอบ เสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๖ ศอก มีช่อฟ้าใบระกาหางหงษ์กะจังรวน กับประตูปันยะฉนวน โรงประตูปันยะย่ำค่ำ ต้องนายกลัดบุตรหลวงพิทักษ์จัตุรงค์ทำ

@ หอพระคลังหนึ่งเสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๔ ศอก ลดมุขหัวท้ายมีเฉลียงข้างน่า มีช่อฟ้าใบระกาพร้อมกับประตูชานปัจจิมต้องขุนเทพอาญาทำ

@ หอเครื่องหลังหนึ่ง เสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๔ ศอกลดมุขหัวท้าย มีช่อฟ้าหางหงษ์เฉลียงน่า กับประตูชานข้างบูรพ์ ต้องนายเวียงมหาดเล็กทำ

@ หลังลงพระบังคนหลังหนึ่งเสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๔ ศอก ลดมุขหัวท้ายมีช่อฟ้าหางหงษ์มีเฉลียงน่า กับประตูน่าประตูหลัง ๆ ประธมต้องหลวงเพ็ชรบุรีศรีราชวังเมืองนครบาลทำ

@ หลังสรงหลังหนึ่งเสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๔ ศอก ลดมุขหัวท้ายมีเฉลียงน่ามีช่อฟ้าหางหงษ์ ต้องนายเรืองมหาดเล็กทำ

@ ที่นั่งเย็น ๓ ห้องหลังหนึ่งเสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๕ ศอกลดมุขหัวท้ายมีช่อฟ้ากันสาดกะแชงอ่อนรอบต้องขุนปลัดนังทำ

@ หลังหอสาตราคม ๓ ห้องหลังหนึ่ง เสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๔ ศอกลดมุขหัวท้ายมีช่อฟ้ากันสาดกะแชง อ่อนรอบ หลวงเทพนรินทร์อินทรเดชะยกบัตรให้ขุนอักษรทำ

@ โรงวิเศษหลัง ๑ กับโรงต่อกันไปหลังหนึ่งหลังละ ๓ ห้องๆ ละ ๕ ศอก เสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๖ ศอก หลังคาปันยะมีเฉลียงน่ากับประตูปันยะข้างบูรพ์ต้องขุนต่างใจทำ

@ โรงข้างบูรพ์โรงหนึ่งต่อเนื่องกันโรงหนึ่ง ๒ หลัง หลังละ ๓ ห้องๆ ละ ๕ ศอก เสา ๙ ศอกขื่อ ๖ ศอก กับโรงทหารปันยะหลังหนึ่ง ๓ ห้องๆ ละ ๖ ศอกเสา ๙ ศอก ขื่อ ๗ ศอก กับโรงทหารปันยะหลังหนึ่ง ๓ ห้องๆ ละ ๖ ศอก เสา ๙ ศอก ขื่อ ๗ ศอก มีเฉลียงน่าต้องขุนกลางวังทำ

@ โรงโตกหนึ่ง ๓ ห้อง ๆ ละ ๗ ศอก เสา ๙ ศอก ขื่อ ๙ ศอก กับโรงม้า ๒โรง ต้องขุนศิริโยธาทำ

@ ประตูใหญ่ฝ่ายบูรพ์ฝ่ายทักษิณฝ่ายปัจจิมแลประตูยกยอด หลวงเทพนรินทร์อินทรเดชะยกรบัตรให้ขุนหมื่นทำ

@ ค่ายรั้วแตะตรางชั้นนอกทั้งนั้น พระมหานุภาพปราบสงครามพระจนะเปนผู้ส่งไม้ ไม้ไผ่กะแตะชั้นในแลตีเรือกตะพาน ทั้งสามตะพานไม้ไผ่แม่ฝา นายกล่อมผู้ว่าราชการเมืองเทพาเปนผู้ส่ง ประตูค่ายใหญ่ชั้นนอกเสาสามวาสองศอกเนื้อใหญ่ ๓ กำกึ่ง ในเหลื่อมสูง ๑๐ ศอก กว้าง ๕ ศอกอยู่ท้องพระโรงทำ

@แลศาลาลูกขุนซ้างขวาหลังคาปันยะมีเฉลียงรอบ เสา ๙ ศอกขื่อ ๖ ศอกสองหลัง ๆ ละ ๓ ห้อง ๆ ละ ๕ ศอก หลวงเทพ นรินทร์อินทรเดชะยกบัตรให้ขุนหมื่นทำ

@ สระโบกขรณีทั้งนอกทั้งในแลโรงมอญชั้นนอกชั้นในระดม กันทำ

@ แลค่ายชั้นนอกที่ล้อมพระราชวังด้านขื่อ ๓ เส้น ด้าน แปห้าเส้น วางหัวเข็มอุดรหางเข็มทักษิณ พลับพลาน้ำหลังหนึ่ง ๓ ห้อง ๆ ละ ๕ ศอกเสา ๙ ศอก ขื่อ ๖ ศอกเฉลียงรอบ มีช่อฟ้า ใบระกากะจังรวน กับตพานฉนวนรับเสด็จยาวเส้นห้าวา ต้องหลวงเพ็ชรคิรีศรีราชสงครามปลัดให้ขุนอักษรเสน่ห์ท

@ตะพานฉนวนเจ้าจอมหม่อมข้างในต้องหลวงพลฤทธิพิไชยทำ

@แลถนนตั้งแต่ประตูใหญ่พระราชวังฝ่ายอุดรกว้าง ๗ ศอก ยาว ๓ เส้นปูอิฐตลอดถึงฉนวนน้ำต้องขุนศิริโยธาทำ

@ระยะทางสถลมารคตั้งแต่ประตูพระราชวังฝ่ายบูรพ์ ตลอดไปถึงตีนเขาตังกวน ๑๒ เส้น ตั้งแต่ตีนเขาตังกวนถึงพลับพลา กว้าง ๘ เส้น กับพลับพลากลางหลังหนึ่ง ๓ ห้อง ๆ ละ ๖ ศอก เสา ๙ ศอกขื่อ ๗ ศอก เฉลียงรอบมีช่อฟ้าใบระกากะจังรวนต้อง หลวงระโนฎทำ

@ ตั้งแต่พลับพลากลาง ถึงพลับพลาพระเจดีย์ ๒ เส้น กับ พลับพลาบนเขาพระเจดีย์หลังหนึ่ง เสายาว ๗ ศอก ขื่อ ๔ ศอกคืบ เฉลียงรอบมีช่อฟ้าใบระกากะจังรวน ต้องหลวงเทพมณเฑียรน่าวังทำ

@ แลระยะทางสถลมารค เขาเก้าเสงตั้งแต่พลับพลาน้ำริม ทเลฝ่ายบูรพ์ตลอดไป ถึงพลับพลาตีนเขาเก้าเสง ๑๓๑ เส้น ตั้งแต่พลับพลาตีนเขาเก้าเสงถึงพลับพลาบนเขา ๒ เส้น ตั้งแต่พลับพลา ตีนเขาเก้าเสงถึงพลับพลาภารสำโรง ๑๘ เส้น ตั้งแต่พลับพลาภารสำโรงถึงประตูไชยยุทธชำนะ ๘๐ เส้น รวมกันสองร้อยมีเศษสิบแปดเส้น กับพลับพลาบนเขาเก้าเสงหลังหนึ่ง ตีนเขาเก้าเสงหลังหนึ่ง พลับพลาข้างอุดร ตะพานคลองสำโรงหลังหนึ่ง เสายาวเก้าศอกขื่อ ๖ ศอก ๓ ห้อง ๆ ละ ๖ ศอก เฉลียงรอบมีช่อฟ้าใบระกากะจังรวน ต้องหลวงเทพสุรินทร์อินทรเสนาจ่ามหาดไทยทำ

@ แลระยะทางสถลมารค ตั้งแต่ประตูพระราชวังฝ่ายบูรพ์ตลอดมาถึงช่องเขาตังกวน ๑๙ เส้น ตั้งแต่ช่องเขาถึงประตูพยัคฆนามเรืองฤทธิ ๒๔ เส้น ตั้งแต่ประตูพยัคฆนามเรืองฤทธิถึงประตูวัดมัชฌิมาวาศ ๒๔ เส้น ตั้งแต่ประตูวัดมัชฌิมาวาศถึงทางตลาดสี่กั๊ก ๕ เส้น ตั้งแต่ทางตลาดสี่กั๊กถึงประตูพุทธรักษา ๑๘ เส้น ตั้งแต่ประตูพุทธรักษาถึงป้อมเทเวศร์บริรักษ์ ๕ เส้น ตั้งแต่ป้อมเทเวศร์บริรักษ์ถึงทางถนนวัดแจ้ง ๖ เส้น รวมกัน ๑๐๑ เส้น มีเศษ ๑๕ วา ต้องหลวงพิทักษ์โกษาคลังจัดแจงปันน่าที่ให้ช่วยกันทำ

@แต่ทางน่าวัดมัชฌิมาวาศตลอดมาถึงทางสี่กั๊กกลางตลาดใหญ่เนื่องมาจนถึงป้อมเทเวศ์รบริรักษ์ ขุดคูสองข้างต่อก่อด้วยศิลา กลางมรคาประสมดินแดงปูนทรายตีพื้นราบเลี่ยนเตียนสอาดจนถึงป้อมเทเวศ์รบริรักษ์เจ้าน่าที่น่าร้านช่วยกันกระทำ

@ แลผ้าหุ้มหลังคาผ้าแดงเลือดนกห่อเสาผ้าขาวเพดานมีรบายสามชั้น ผ้าลายผ้าขาวปิดฝาชั้นในพลับพลาใหญ่น้อยทั้ง ๒๒ หลังแลผ้าแดงผ้าเขียวผ้าเหลืองตัดบังพนัก ต้องหลวงเพ็ชรพยาบาลคุมพวกช่างกระดาษทำ

@ พัดแพรชักวาตาหลังท้องพระโรงหลังประธมหลังเสวย หลังละ ๒ พัด รวมกัน ๖ พัด ต้องหลวงบำรุงชลธาร์จัดแจงให้จีนเยียนสายไส้หู้ทำ

@ แลทำเนียบเจ้าคุณกระลาโหมหอนั่งเสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๘ ศอกเฉลียงรอบห้องนอน ๓ ห้อง ๆ ละ ๖ ศอก เสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๗ ศอกหลังหม่อม ๒ หลัง หลังละ ๕ ห้องมีเฉลียงน่าทุกหลัง เสา ๑๑ ศอก ขื่อ ๖ ศอก โรงของคารวของหวานสองหลัง ๆ ละ ๓ ห้อง โรงอาบน้ำโรงทุ่งพื้นดินพื่นฟากฝาตีแผงกะแชงอ่อนโรงมอญเล็กน้อย กแตะรั้วประตูตรางชั้นในชั้นนอก ด้านขื่อ ๒ เส้น ด้านแป ๓ เส้น น่าทำเนียบไปบูรพ์ แลตำหนักเจ้าต่างกรม แลเจ้าหากรรมมิได้ สองตำหนักนี้อยู่ปละบูรพ์ ผินหน้าพระตำหนักมาปัจฉิม ทำอย่างเดียวกันกับทำเนียบเจ้าคุณกระลาโหม เครื่องประดับประดาสารพัดก็เหมือนกัน แลที่อยู่ท้าวพระยาราชการที่ตามเสด็จออกมาก็มีอยู่มาก

@ ด้านบูรพ์เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาจัดให้หลวงระโนฎ ขุนเทพอาญา ขุนปลัดนัง คุมขุนหมื่นนายไพร่ ๒๕๐ คนก่อเพลิงรายล้อมประจำรักษา

@ ด้านทักษิณหลวงทิพมนตรีศรีราชสมโภช กรมนา หลวงพิไชยชาญณรงค์ ขุนเทพสุภาแพ่ง คุมขุนหมื่นนายไพร่ ๒๕๐ คนก่อเพลิงประจำรักษา

@ ด้านปัจจิมหลวงพลฤทธิพิไชย ขุนศิริโยธา ขุนไชยชาญยุทธ คุมขุนหมื่นทหารนายไพร่ ๒๕๐ คนก่อเพลิงประจำรักษา

@ ด้านอุดรหลวงภักดีบริบาลพโคะ ขุนต่างใจ ขุนอักษร คุมขุนหมื่นทหารนายไพร่ ๒๕๐ คนก่อเพลิงประจำรักษา

@ ถัดออกมาทำเนียบเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา แลพระสุนทรรักษ์ หลวงสมบัติภิรมย์ หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ หลวงวิเศษภักดี ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา แลหลวงเทพนรินทร์อินทรเดชะยกรบัตร หลวงพิไชยเสนา อยู่คอยตรวจตรา หลวงพิทักษ์โยธา ขุนสรรพากร เปนผู้ถือบาญชีรายสิ่งของทั้งปวง หลวงเทพเสนาเปนกองส่งน้ำสรงน้ำเสวย แลไม้พืน น้ำในกำปั่น ต้องหลวงไชยาประชาเปนผู้จัดแจงเร่งเลขส่ง ขุนท่าชลชี เปนกองเรือสำหรับบรรทุกของขึ้นลงในเรือ ขุนแก้วเสนาคุมไพร่ ๔๐ คน เปนผู้รับผู้จ่าย ผักปลาแลส่งพืนน้ำในครัวทุกโรง

@ ของเสวยแลของเจ้านาย ขุนจิตรโภชนาเปนพ่อครัวโรงหนึ่ง โรงครัวจีนเลวลงมา หมื่นจรวารี หมื่นศรีสาคร หมื่นเทพพานิช เปนผู้จัดแจงเลี้ยงรักษาโรงหนึ่ง โรงครัวไทยของคาวครัวหนึ่ง ของหวานโรงหนึ่ง โรงหมากพลูโรงหนึ่ง สามโรงสำหรับเลี้ยงเจ้านายแลเจ้าจอมข้างใน คุณแม่เนียว คุณจอมจัน๒ คุณกลิ่น แม่นุ่ม เปนผู้จัดแจงเลี้ยงรักษา โรงครัวไทยเลวโรงหนึ่งสำหรับเลี้ยงรักษาไพร่ พวกทหาร จ่าทวนเปนผู้จัดแจงเลี้ยงรักษา โรงครัวไทยของคาวโรงหนึ่งของหวานโรงหนึ่ง สองโรง สำหรับเลี้ยงกรมการแลพวกประจำน่าด้าน พวกใช้การเบ็ดเสร็จทั้งปวงต้องคุณเรือนออก เปนผู้จัดแจงเลี้ยงรักษา โรงไต้โรงเทียนโรงน้ำมันโรงน้ำชา ขุนอินทรมณเฑียร ขุนอักษรเลข เปนผู้เบิกจ่าย โรงครัวแขกของคาวของหวานโรงหนึ่ง หวันแหมะภรรยาพระยายะหริ่ง หลวงศรีปดุกา หลวงสุริยาวังษา หลวงฤทธิเทวา ขุนหมื่นพวกล่ามเลี้ยงรักษา รวมกัน ๙ โรง เข้าสารเงินทองใช้จ่ายซื้อกับเข้าซื้อสรรพสิ่งของทั้งนั้นหลวงบำรุงอากร กิมสุย ขุนภักดีบวร ยกเสง แลเสมียนมาจองเปนผู้เบิกจ่ายให้ใช้สอย แต่สิ่งของเงินทองทั้งนั้นเปนของเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาทั้งสิ้น
----------------------------------------------
๒ คุณจันนี้เจ้าจอมในรัชการที่ ๓ อยู่มาจนรัชการที่ ๕ 

@ เครื่องจีนแลเครื่องลอนดอนสรรพสิ่งของเครื่องประดับใน ท้องพระโรง กำมะหยี่โหมดแพรปัศตูอัดตลัด ผ้าลายสีต่างกัน ผ้าส่าน ผ้าแดง ผ้าขาว ผ้าดำ ผ้าเขียว ผ้าปิดโตก ผ้ารองโตก แลเตียงนอน ฝาเซิ้ยมไม้ ฝาเซิ้ยมกระจก แลกระจกฉาก กระจกเงา กระจกแขวน โคมหวด โคมหม้อ โคมฝา โคมลำโพงจอกแก้ว กระดาษอังกฤษปิดฝาทองคำเปลวปิดใช้ ทองคำทรายทำเป๋า ทองคำใบก้าไหล่ท่าโตก ทากะโถน ทองคำแท่งทองคำทรายถวาย ดีบุกทำประทุมธาราแลแผ่นลาดทำอัฒจันท์ขึ้นลง ตาปูเหล็กทองใหญ่น้อย ไหมปอป่านลูกด้ายใช้สอย เข็มอังกฤษเข็มจีนสำหรับกลัดเย็บ โตกเก้าอี้อังกฤษสำหรับนั่งตั้งของเลี้ยงข้าราชการ แลพัดใบชักโบกวาตา เสื่ออ่อน เสื่อลาย เสื่อหวาย เสื่อกระจูด เสื่อตรังกานู มุลี่ไม้ไผ่แฮมุย แลเครื่องวาดเครื่องเขียน น้ำประสานทอง น้ำปรอท น้ำรัก น้ำมันตังอิ๋ว ชัน ดินแดง กระเบื้องปรุ กระเบื้องน่าวัว ปูน อิฐ ศิลาอ่อน บรรดาของประดับประดาใช้จ่ายคิดรายรวมเปนเงินยี่สิบเจ็ดพันเหรียญมีเศษร้อย

@ ที่ท้องพระโรงน่า ท้องพระโรงใน หลังเสวย หลังประธม หลังพระที่นั่งเย็น หอสาตราคม หอพระ หอเครื่อง หอสรง หอลงพระบังคน แลหลังพระนางนาฎราชเทวี หลังเจ้าจอม ผู้ใหญ่ผู้น้อย หลังพวกหม่อมแม่ลคร หลังท้าววรจันทร์ ท้าวสมศักดิ โรงพระตำรวจซ้ายขวา โรงทแก้ลวทหาร เจ้ากรม ปลัดกรม โรงราชยาน โรงประตูย่ำค่ำ โรงวิเศษ โรงหมอ โรงเครื่อง โรงภูษามาลา คลังซ้าย คลังขวา คลังวิเศษ คลังมหาสมบัติ ศาลาลูกขุน ซ้ายชวาบรรดาอยู่ในพระราชวัง ตลอดไปถึงทำเนียบเจ้าคูณกระลาโหม แลพระตำหนักเจ้าต่างกรมแลเจ้าหากรมมิได้ แลที่อยู่ท้าวพระยา ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยบรรดาที่ตามเสด็จมา เครื่องประดับประดา สรรพสิ่งของเบิกใช้จ่ายเปนของเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาทั้งนั้น จนถึงวันเสด็จพระราชดำเนินมาจนเสด็จพระราชดำเนินกลับ จะได้กะเกณฑ์เอาสรรพของกินใช้แก่ราษฎรชาวบ้านชาวเมืองหามิได้

@ ครั้น ณ วันเดือนแปดแรมสิบสี่ค่ำ เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ให้หลวงสมบัติภิรมย์ ผู้ช่ายราชการเมืองสงขลา กับนายทัดมหาดเล็ก แลหลวงเทพมาลา ขุนพรหมมนตรี กรมการ ขี่กำปั่นวิเชียรคิรีลำหนึ่ง กำปั่นมณีกลอกสมุทลำหนึ่ง กำปั่นหิรัญปักษาลำหนึ่ง ไปรับเสด็จพระราชดำเนิน หลวงสมบัติภิรมย์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา นายทัดมหาดเล็ก๓ หลวงเทพมาลา ขุนพรหมมนตรี ได้ไปเฝ้ารับเสด็จสมเด้จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่เขาเลาหมวก๔ แล้วเจ้าคุณกระลาโหมให้หลวงสมบัติภิรมย์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา นายทัดมหาดเล็ก ขึ้นอยู่เรือเสนินทรประดิษฐ กับพณหัวเจ้าท่านเจ้าคุณกระลาโหมตามเสด็จมาถึงเมืองนครศรีธรรมราช ให้ขุนพรหมมนตรีพากำปั่นวิเชียรคิรีกลับมากราบเรียนเจ้าคุณ ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาให้ทราบ ขุนพรหมมนตรีมาถึงเมืองสงขลา ณ วันเดือนเก้าขึ้นสิบสามค่ำ ขุนพรหมมนตรีกราบเรียนว่าทรงกำหนดว่า ณ วันเดือนเก้าขึ้นสิบสองค่ำจะให้ถึงเมืองนครศรีธรรมราช จะทรงประทับอยุ่เจ็ดราตรี แล้วจะเสด็จพระราชดำเนินมา ณ เมืองสงขลา เจ้าคุณผุ้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ทราบความตามขุนพรหมมนตรีกราบเรียนแล้ว โปรดสั่งกรมการผู้ใหญ่ผู้น้อย แลเจ้าน่าที่พนักงานบรรดาถูกต้องในตำแหน่งที่จัดแจงตระเตรียมไว้ให้ลงไปอยู่รับราชการอยู่ที่แหลมซายด้ายเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ให้หลวงเพ็รชคิรีศรีราชสงครามปลัดคุมขุนหมื่นนอนเฝ้าประจำรักษารับราชการอยู่ณศาลากลาง ให้หลวงอินทรอาญา นครบาลในคุมไพร่ทำร่มโรงก่อเพลิงคอยระวังรักษาประตูพยัคฆนามเรืองฤทธิ ให้หลวงศุภมาตรา หลวงนุชิตพิทักษ์ จางวางเวรทนาย ขุนบุรีรักษ์ราชกิจ นอนรักษาอยู่บนจวน
--------------------------------
๓ หลวงสมบัติภิรมย์คนนี้ เปนบุตรเจ้าพระสงขลา บุญสังข์ ชื่อ ชุ่ม ในรัชกาลที่ ๕ ได้เปนพระยาสมบัติภิรมย์ แล้วเปนพระยาสงขลา ต่อเจ้าพระยาสงขลา เม่น นายทัด มหาดเล็กนั้น เปนบุตรเจ้าพระยาสงขลา บุญสังข์ ในรัชกาลที่ ๕ ได้เปนพระยาหนองจิก  
๔ อยู่ใกล้เกาะหลัก แขวงประจวบคิรีขันธ์ 

@ ครั้น ณ วันเดือนเก้าขึ้นสิบห้าค่ำเวลาเช้า หลวงสมบัติภิรมย์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลามาถึงเมืองสงขลา กราบเรียนเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาว่า สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินมาถึงปากน้ำเมืองนครศรีธรรมราช ณ วันเดือนเก้าขึ้นสิบเอ็ดค่ำ ทรงประทับอยู่ในเรือพระที่นั่งสองราตรี ณ วันเดือนเก้าขึ้นสิบสองค่ำเสด็จพระราชดำเนินขึ้นประทับที่พลับพลาเมืองนครศรีธรรมราช ๆ ทำพลับพลายังไม่แล้วเสร็จเกิดความาวุ่นวาย๕ ทรงคัดเคือง อยู่มาก เจ้าคุณกระลาโหมก็เอาพวกตำรวจแลพวกทหารในให้ช่วยระดมกันทำทั้งกลางวันกลางคืนจนเสร็จ แล้วทรงกำหนดว่า ณ วันเดือนเก้าแรมหกค่ำจะเสด็จมาประธมที่เรือพระที่นั่ง ณ วันเดือนเก้าแรมเจ็ดค่ำจะเสด้จพระราชดำเนินมาให้ถึงเมืองสงขลา สิ่งอันใดที่ยังไม่พร้อมให้จัดแจงเสียให้พร้อม พอเวลาบ่าย ๕ โมง หลวงวิเศษภักดี ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา มาถึงเมืองสงขลาอิกเล่ากราบเรียนว่าเจ้าคุรกระโหมให้รีบมาบอกว่าให้ปลูกโรงลครพลับพลา จะทรงลคร กับวอสำหรับเจ้าจอมจะขี่ไว้สัก ๑๕ วอ เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลากับพวกกรมการทั้งนั้น ให้ระดมกันทำโรงลครแลพลับพลาทรงลคร กับวอ ๑๕ วอ ทั้งกลางวันกลางคืน สองวันแล้วเสร็จ
----------------------------------
๕ เวลานั้นเจ้าพระยานคร น้อยกลาง ป่วยเปนอัมพาตมารับเสด็จไม่ได้ ผู้น้อยจัดการจึงวุ่น ที่สงขลาเอาใจใส่สืบสวนร้ายดี เนื่องในความอริกันระหว่าง ๒ เมือง ดังอธิบายไว้ในเรื่องจดหมายบอกข่าวเจ้าพระยานคร ซึ่งพิมพ์ไว้ต่อไปในสมุดเล่มนี้ 

@ แลใน ณ วันเดือนเก้าขึ้นสิบห้าค่ำราตรีคืนนั้นประมาณ ๔ ทุ่ม เปนจันทรอุปราคาจับมาแต่ทิศอิสาณจนหมด เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาแลกรมการทั้งนั้นกำลังรีบเร่งทำงานอยู่ หาทันได้ดูเมื่อพระจันทร์เปนอุปราคาไม่ ต่อได้ยินเสียงบืนอึกกะทึกขึ้นว่าเปนจันทรอุปราคาจึงรู้ ณ วันเดือนเก้าแรมค่ำหนึ่ง พวกกองญวนซึ่งได้ตามพระยากลันตันมาถึงเมืองสงขลา ณ วันเดือนเก้าแรมสองค่ำจ่ากลั่น๖ ตำรวจกองตรวจลว่งน่ามาถึงเมืองสงขลา เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการ เมืองสงขลาให้นำจ่ากลั่นตำรวจเที่ยวตรวจสิ้นทุกแห่ง จ่ากลั่นตำรวจตรวจดูว่าถูกถ้วนงามดีทั้งสิ้น ณ วันเดือนเก้าแรมสามค่ำหลวงสวัสดิภักดีมาถึงเมืองสงขลา กราบเรียนเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาว่า มีผู้ไปกราบเรียนเจ้าคุณกระลาโหมที่เมืองนครศรีธรรมราชว่า ท้องพระโรงเปนช่องอยู่หลายแห่งหามีบานปิดไม่ ให้เร่งทำเสียให้แล้ว ถ้าไม่แล้วเสร็จมาถึงจะเกิดความ เจ้าคุณกระลาโหมให้วิตกถึงเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาอยู่มากจึงให้รีบมา เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาให้หลวงคิรีสมบัตินำหลวงสวัสดิภักดไปตรวจดู เห็นบานประตูมิดชิดงามดี หาเหมือนผู้ไปกราบเรียนเจ้าคุณกระลาโหมไม่ ณ วันเดือนเก้าแรมสี่ค่ำคอยกำปันไฟอยู่วันหนึ่ง
----------------------------------
๖ จ่ากลั่นคนนี้เปนที่ที่จ่าชำนาญทั่วด้าว  

@ ณ วันเดือนเก้าแรมห้าค่ำเรือศีศะญวนกรมหมื่นวรจักร กับ เรือท้าวพระยาข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยมาถึงหลายลำ ณ วันเดือนเก้า แรมเจ็ดค่ำเพลาเที่ยง กำปั่นไฟเสนินทรประดิษ์เจ้าคุณกระลาโหม มาทางนอกเกาะหนูทอดลง เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา แลกรมการผู้ใหญ่ผู้นอ้ยลงไปรับ เจ้าคุณกระลาโหมลงเรือล่องบด ขึ้นตามฉงวนกลาง ดูพลับพลาริมน้ำแล้วก็เลยเข้าไปดูในทอ้งพระโรงข้างหน้าแลข้างในแลเครื่องประดับประดาจบแล้ว ก็เดินยิ้มออกไปทำเนียมที่เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาปลูกไว้คอยรับ เจ้าคุณ กระลาโหมดูทั่วแล้วออกมานั่งที่น่าหอ เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาให้หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา แล ขุนหมื่นมีชื่อยกโตกใส่เครื่องเกาเหลาตั้งไว้ เจ้าคุณกระลาโหมเปิดฝาชีขึ้นดูว่ามาถึงเมืองสงขลาแล้วจะกินเข้าสักที เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาให้หลวงอนุรักษ์ภูเบศษ์ ผู้ช่วยราชการ เฝ้าดูอยู่จนแล้ว ครู่หนึ่งพระยามนตรีสุริยวงษ์แลท้าวพระยาราชการผู้ใหญ่ ผู้น้อยมาถึงหลายลำ พอเพลาบ่าย ๕ โมงเศษ เรือพระที่นั่งกำปั่นกลไฟมณีเมขลาถึงเกาะหนูเพลาบ่าย ๕ โมงเศษ ทรงประทับอยู่แต่ทิวาจนพลบค่ำ ถึงเพลาห้าโมงเศษรับสั่งให้หาเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ๆ ก็ลงไปเฝ้า ตรัสถามว่ามาแล้วฤๅเขาบอกข้าว่า ทำแขงแรงนักหนา ลงทุนใช้จ่ายเงินทองมากมาย เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา กราบบังคมทูลว่าสิ้นเขตรแดนเพียงนี้แล้วทรงเสด็จพระราชดำเนินมา ควรทำฉลองพระเดชพระคุณให้เต็มมือแล้วตรัสถามว่าเจ้าชีวิตรแต่ก่อน ๆ ใครห่อนมาถึงเมืองสงขลาบ้างฤๅ เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลากราบบังคมทูลว่ายังไม่เคยเสด็จมาถึง เสด็จแต่กรมพระราชวังบวรสถานมงคล เสด็จมาประทับที่เมืองสงขลาแล้วเลยลงไปตีเมืองตานี ได้บืนนางพระยาตานีเข้าไป ณ กรุงเทพพระมหานครนานแล้ว เกล้ากระหม่อมจำมิได้ แล้วตรัสว่านี่ข้า อุส่ามาให้ถึง ครั้นทำหนักหนาดังนี้มาจะเรียกวังสงขลาเสียเถิดแล้วทรงพระสรวล ถามถึงพระครูญาณโมฬีว่าคณะมีอยู่ไหน กราบบังคมทูลว่าอยู่วัดดอนแย้ แล้วถามถึงพระยายะหรึ่ง แตง แลพระวิเศษวังษา ผึ้ง ว่าลูกพระยายะหริ่ง ทองอยู่ เข้ามาถึงแล้วฤๅ เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลากราบบังคมทูลว่าเข้ามาถึงแล้ว พวกพระยาแขกหัวเมืองก็เข้ามาพร้อมทั้งสิ้น แล้วตรัสถามเมืองพัทลุงแลทเลสาบอยู่ข้างไหน กราบบังคมทูลว่าอยู่ไปข้างปัจจิม แล้วตรัสว่าเรือตกอยุ่ข้างหลังมากยังมาไม่ถึงพร้อม วันพรุง่นี้เช้าข้าจะขึ้นไป แล้วเสด็จเข้าที่ประธม เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา กราบถวายบังคมลากลับมา ทรงประทับอยู่ในนาวาราตรีหนึ่ง

@ รุ่งขึ้น ณ วันอาทิตย์เดือนเก้าแรมแปดค่ำเพลาเช้า เจ้าคุณ ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาให้หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา แลนายกล่อมผู้ว่าราชการเมืองเทพา ยกเครืองเกาเหลาลงไป กับสำรับเจ้าจอมหม่อมข้างใน แลราชการที่อยู่ในเรือ พระที่นั้น ๒๐ สำรับพระนายศรีสรรเพธ๗ ก็ยกเครื่องเกาเหลาเข้าไปถวาย ทรงเสวยแล้วเสด็จลงเรือพระที่นั่นล่องบดลงไปทอดพระเนตร ศิลาเสร็จโลหมู่๘ แล้วเสด็จกลับมา เพลาบ่ายโมงเศษยามพฤหัศบดีฤกษ์ ๓ พระอาทิตย์อยู่ราษีสิงห์ พระจันทร์อยู่ราษีเมษ พระอังคารอยู่ราษีกรกฎ พระพุฒอยู่ราษีสิงห์ พฤหัศบดีอยู่ราษีเมถุน พระศุกรพระเสาร์อยู่ราษีกรกฎ พระราหูอยู่ราษีมังกร ลักษณาอยู่ราษีธนู ยิงปืนเรือพระที่นั่ง แลเรือกำปั่นที่ล้อมวง ๒๑ นัด จึงเสด็จพระราชดำเนินลงเรือพระที่นั่งล่องบดลงมาประทับที่ฉนวนครู่หนึ่ง แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรปากน้ำแหลมซาย แล้วเสด็จกลับมาประทับที่ฉนวน จึงเสด็จขึ้นทรงพระยานุมาศกับพระเจ้าหน่อ ๖ องค์ชาวพนักงานก็ตีกลองทองเหลืองเครื่องประโคมแตรซอขลุ่ย ทหารพวกสิป่ายชายหญิงแบกปืนปลายหอก เจ้ากรมปลัดกรมพระตำรวจซ้ายขวาขัดกระบี่บั้งทอง ตำรวจเลวซ้ายขวาถือหวายนำแห่เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระราชวัง ทรงประทับที่เกยโต๊ะน่ากำแพงแก้วกับเจ้าพระหน่อ ๖ องค์ แล้วเสด็จลงดำเนินเข้าไปในท้องพระโรง ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงก็ตามเสด็จเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุรีพระบาทพร้อมกันในท้องพระโรง พระองค์ทอดพระเนตรโตกเครื่องกาแฟกะโถนเก้าอี้ แล้วตรัสเรียกพระยาพัทลุงให้ดูว่าของเขาทำดีทรงลูบคลำว่างดงาม แล้วตรัสกับเจ้าคุณกระลาโหม ว่าเครื่องกาแฟแต่ก่อนเขาให้สำรับหนึ่งแล้ว แต่โตกที่หล่อนั้นทำตามตัวอย่าง เก้าอี้ ทองที่ทาบางอยู่สักหน่อย แล้วทรงประทับบนเก้าอี้พระหัดถ์ลูบคลำไปมา ตรัสกับเจ้าคุณกระลาโหมว่าจากไม้ที่เขาใช้ เอามาแต่แห่งใด เจ้าคุณกระลาโหมถามเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ๆ กราบทูลว่าเอามาแต่เมืองจนะ เมืองเทพา เมืองตานี เปนแต่ไม้ขยาเลยไม่สู้ดี ถ้าจะใช้ไม้ดีต้องไปเอาอาไศรยใช้ไม้ที่เมืองพัทลุง จึงตรัสว่าเมืองสงขลาแผ่นดินน้อยนักนิดเดียว ถ้าเอาแผ่นดินเมืองพัทลุงมาเปนอันเดียวกับเมืองสงขลาเห็นจะดี พระยาพัทลุงเฝ้าอยู่ด้วย๙ แล้วตรัสว่าพระแท่นเขาทำแขงแรงกะทัดรัดดีอยู่แต่เปนอย่างมอญ แต่ระบายเพดานั้นทรงตรัสว่าพระกลดวังน่าเจ็ดชั้น พระกลดวังหลวงเก้าชั้น ระบายเพดาน ๓ ชั้นทั้งสิ้น ระบายเพดานนี้ ๕ ชั้นเปนอย่างใหม่ดี แล้วตรัสว่าบัวเขาทำกันอะไร เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา กราบบังคมทูลว่าทำกันราง ทรงพระสรวลว่าอย่างใหม่ แล้วตรัสถามเจ้าคุณกระลาโหมว่า ฝาเซี้ยมแลลับแลไปซื้อมาแต่จีนฤาซื้อมาเมื่อใด เจ้าคุณกระลาโหมกราบทูลว่าเมื่อเจ้าคุณกระลาโหมออกมาได้ว่าไว้ให้ทำพลับพลา จึงเจ้าคุณผู้สำเร็จาชการเมืองสงขลาจัดแจงไปซื้อมาแต่เมืองแฮมุย ทรงทอดพระเนตรลับแลแล้วตรัสว่าเขียนเรืองสามก๊กสนุกดี แล้วเสด็จขึ้นเที่ยวทอดพระเนตรหลังเสวย หลังท้องพระโรงกลาง หลังประธมแล้วเสด็จลงมาตามอัฒจันท์ประตูหลังอันลาดด้วยดีบุก ชมสวนที่ชานหน้าท้องพระโรงข้างใน ทรงเด็ดเอาพลูมาสองใบทรงถือออกมาน่าท้องพระโรงอีกเล่า ตรัสบอกเจ้าคุณกระลาโหมว่าข้างในหลังเสวยหลังท้องพระโรงกลาง หลังประธม เขาทำหมดจดงามดี มีสวนมีพลูสนุกสนานทำแขงแรง ลงทุนลงแรงใช้จ่ายเงินทองมากมายนักหนาแล้วเสด็จขึ้น เจ้าคุณกระลาโหม แลเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ท้าวพระยาข้าทูลลอองธุรีพระบาททั้งนั้นกลับออกมา พอฝนตกลง ครั้นฝนหายแล้ว เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ก็จัดแจงเลี้ยงขุนนางท้าวพระยาซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนินมาทั้งสิ้น เจ้าต่างกรมแลหากรมมิได้ทั้งนั้น ให้ยกของใส่โต๊ะเงินไปถวายตามที่อยู่จนสิ้นทุก ๆ องค์ พอเพลาพลบค่ำทุ่มเศษ เสด็จลงไปพลับพลาน้ำกับเจ้าคุณกระลาโหมในที่มืด ตรัสกับเจ้าคุณกระลาโหมเบา ๆ ไม่ได้ยิน แล้วเสด็จกลับมาทรงประทับที่ประตูใหญ่พระราชวังชั้นนอก ตรัสว่าเมืองตวันตกตวันออกข้างปากใต้ฝ่ายเหนือที่ไปแล้ว ๆ จนมาถึงเมืองนี้ เมืองเขาสนุกสนานผู้คนมั่งคั่งมาก มีแต่จะจำเริญขึ้นไป เมืองอื่นขยับจะสู้เขาไม่ได้ แล้วเสด็จเขามาชมศิลาที่ปากสระว่าเปนโมรางามดี ๑๐ ต่อเมือจะกลับไปให้ขอไปบ้าง แล้วเสด็จเข้าท้อง พระโรง ตรัสเรียกชาตรีไปทรงที่ริมกำแพงกระเบื้องปรุชั้นใน ทรงประทับเหนือกำแพงกระเบื้องปรุ นายบุญคงบุตรหลวงปลัดเมืองสงขลาส่องเทียนให้ทรงทอดพระเนตรชาตรีถึง ๒ ยาม แล้วทรงพระราชทานเงินตราให้พวกชาตรีปันกัน ๔๐ บาท ให้สร้างเครื่อง ๔๐ บาท เสร็จแล้วเสด็จเข้าข้างใน รับสั่งเรียกพระยาไภยนุฤทธิ๑๑ จางวาง เจ้ากรมพระตำรวจเข้าไป ให้พระยาไภยนุฤทธิส่องเทียนนำเสด็จ พระราชดำเนินเที่ยวทอดพระเนตรตามท้องพระโรงในแลเรือนพระนางนาฎราชเทวี แลเรือนเจ้าจอมหม่อมแม่ลคร แลเรือนท้าววรจันทร์ แลท้าวสมศักดิ เรือนเถ้าแก่ผู้ใหญ่ผู้น้อยข้างนอกข้างในข้างหลัง จบแล้ว เสด็จลงไปทอดพระเนตรที่สวนสระปลูบูรพ์ปัจจิมปละทักษิณค่ายชั้นนอก เรือนมอญตำรวจในทหารพวกรักษาอยู่จบแล้ว ตรัสว่า กับพระยาไภยนุฤทธิว่า เราไปทุกบ้านทุกเมืองหลายเมืองมาแล้ว ยังไม่เห็นใครทำได้อย่างนี้ นี่ทำแขงแรงลงทุนลงรอนใช้จ่ายเงินทองมากมาย ไม่ใช่ทำฉันราชการ ทำโดยจิตรรักใคร่เราจริง ๆ บ้านเมืองเขาก็น้อยนิดเดียว จะต้องชุบเลี้ยงเขาให้บ้านเมืองเราเปนใหญ่เปนโตขึ้นหนึ่งจงได้ แล้วเสร็จขึ้นมาบนห้องสรงทรงสถิตย์เหนือ เตียงศิลากว้างศอกหนึ่งยาวสองศอก พื้นใต้เตียงลาดดีบุก ผินพระภักตร์ไปบูรพ์ พระยาไภยนุฤทธิก็บิดก็อกไขประทุมธารา น้ำพระสุคนธรศก็ไหลหลั่งถั่งถาออกมาจากปากมังกร ตกลงเหนือพระปฤษฎางค์เบื้องหลงสำราญพระองค์เสร็จแล้ว ผลัดภูษาทรงยืนทัศนาประทุมธาราว่ากระทำหมดจดงามดี ถ้าทำกับเงินจะขอเอาไปใช้นี้ทำกับดีบุกอย่าเอาไปเลย แล้วเสด็จขึ้นห้องประถมได้ยินเสียงคุณจอมจันพูดกับหม่อมสิลา ตรัสถามลงมาว่าพูดกับใคร เจ้าจอมพนักงานที่อยูข้างในกราบทูลว่าพูดกับแม่จันทรงตรัสว่าเขาเคยอยู่ ข้างในจึงวางที่ทอดพระแสงถูก แล้วสระเด็จทรงประถมบนพระแท่นตั้งไว้เบื้องบูรพ์พระเศียรสู่บุริมทิศ

@ ณ วันจันทร์เดือนเก้าแรมเก้าค่ำเพลาเช้า เสด็จทรงสถิตย์อยู่ในพระราชวังแหลมซาย พวกจีนลูกค้าชาวตลาดเมืองสงขลาทูลถวายหมูเป็ดไก่แลหมากพลูผลไม้ต่าง ๆ ร้อยโตะ ทรงปราไสกับพวกจีนถวายของแล้ว พระราชทานสุราด้วยพระหัดถ์ให้พวกจีนรับพระราชทานคนละจอกเสร็จแล้วเสด็จขึ้น เพลาบ่าย ๔ โมงเศษทรงทอดพระเนตรแกะแลโคชนกันแล้ว ทรงลครฝรั่งอยู่ครู่หนึ่ง เสด็จทรงพระยานุมาศกับพระเจ้าหน่อ ๖ องค์ เสด็จไปตีนเขาตังกวนลงจากพระยานุมาศแล้ว เสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาทขึ้นบนเขาถึงเสาธงที่เสมอ ขึ้นทรงพระยานุมาศกับพระเจ้าหน่อ ๖ องค์อิก ไปถึงที่จะขึ้นบนพระเจดีย์ เสด็จลงทรงพระดำเนินด้วยพระบาทขึ้นไปพระเจดีย์แล้วเสด็จที่ประทับที่พลับพลาหลวงเทพมฌเฑียรน่าวังทำไว้รับเสด็จข้างอุดรพระเจดีย์ ทรงทอดพระเนตรดูเมืองดูเขาดูคลอง แล้วชี้พระหัดถ์ตรัสถามพระสุนทรนุรักษ์๑๒ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา ตั้งแต่เขาแดงเขาค่ายม่วงเขาแหลมสนเขาเกาะยอเขาอ้ายเหลาจนกระทั่งถึงเขาเก้าเสง แล้วถามถึงในกำแพงเมืองแลจวนเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา แลวัดเทพชุมนุม พระสุนทรนุรักษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา ทูลถวายชื่อจนสิ้นตามตรัสถาม แล้วตรัสว่าบ้านเมืองมีราษีจำเริญสนุกสนาน ผู้คนมั่งคั่งแน่นหนา เขาแลคลองน้ำดูดีเหมือนเขียนในฉากกระจก แล้วถามถึงพระเจดีย์ที่เขาค่ายม่วง องค์ว่ามีมาแต่โบราณฤๅ พระสุนทรนุรักษ์ทูลว่าพระเจดีย์ข้างอุดรของสมเด็จองค์ใหญ่ เจดีย์ข้างทักษิณของสมเด็จองค์น้อย ป้อมที่ริมน้ำเขาค่ายม่วงสมเด็จองค์ใหญ่ทำพร้อมกับพระเจดีย์บนเขา แต่ป้อมที่เขาแดงมีมาแต่ก่อน แล้วตรัสถามว่าจะไปเมืองพัทลุงทางไหนกราบทูลว่าไปทางทเลสาบ แล้วตรัสว่าจะไปสตูนไปไทรไปทางไหนกราบทูลว่าไปทางหว่างหรดี ตรัสถามว่าภูเขากันมิดจะไปอย่างไรได้ กราบทูลว่าไม่มิด ภูเขาปิดบังกันอยู่ ทางเดินมี สตูนไปทางด่านทางรอบไทรไปตามการำ แล้วตรัสว่าจะไปเมืองตานีทางไหน กราบทูลไปว่าไปทางข้างทักษิณทางเมืองจนะเมืองเทพา ถ้าจะทางเรือไปทางทเลก็ได้ แล้วตรัสว่าบ้านเมืองสนุกสนานนักหนา แต่รักษาข้าศึก ศัตรูยาก ข้างปากน้ำถึงกว้างก็มีหาดมีดอน เรือใหญ่เรือโต โดยจะเข้ามาก็ไม่ได้โดยง่าย แต่ข้างน่าเมืองถ้าต่อก่อป้อมที่หัวเขาน้อยสักป้อม ที่กลางสักสามป้อม แต่กระสุนยิงไปมาอย่าให้ประกันเห็นจะดี ทรงประทับอยู่จนอัษฎงคต ทอดพระเนตรเห็นไฟราษฎร ตามไต้ตามโคมทั้งสี่ด้าน ตรัสชมว่าดูงามประหลาดตาเหมือนดาวนักขัตฤกษ์ในอากาศ แล้วเสด็จลงจากเขาสู่พระราชวังแหลมซาย เสด็จขึ้นสู่ห้องเสวย ทรงสถิตย์เหนือเก้าอี้วิลาศ ผินพระภักตร์สู่ทักษิณ พระนายศรีสรรเพธเชิญเครื่องเสวยวางเหนือโต๊ะวิลาศ ทรงเสวยอยู่ ได้ยินเสียงข้าราชการซึ้งเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาให้เลี้ยงเสียงอื้ออึง รับสั่งให้พระยาไภยนุฤทธิมาบอกเจ้าคุณกระลาโหมว่า เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาเลี้ยงขุนกันแขงแรงดังนี้จะพากันยากจนเสีย ให้เจ้าคุณกระลาโหมจัดแจงเสียใหม่ เจ้าคุณกระลาโหมว่ากับพระยาไภยนุฤทธิให้กราบทูลว่าไม่เปนไร เข้าของเขาจัดแจงเตรียมไว้มาก จะรับเลี้ยงฉลองพระเดชพระคุณให้เต็มมืออย่าวิตกถึงเขาเลย ครั้นทรงเสวยพระบวรกระยาหารสำเร็จแล้วจึงเสด็จขึ้น ในวันนั้นราษฎรในเมืองนอกเมืองตั้งโตกบูชาไว้วันหนึ่ง

@ ณ วันอังคารเดือนเก้าแรมสิบค่ำเพลาเช้าเสด็จออกท้องพระโรง เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา แลพระสุนทรนุรักษ์หลวงสมบัติภิรมย์ หลวงอนุรักษ์ภูเบศ์ร หลวงวิเศษภักดี ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา ตั้งของถวาย พระยาเทพวรชุนกราบทูลถวายของเจ้าคุณ ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา โต๊ะกาไหล่ทองคำหนึ่ง เครื่องกาแฟ กาไหล่ทองคำสำรับหนึ่ง เก้าอี้กาไหล่ทองคำหนึ่ง กะโถนกาไหล่ทองคำหนึ่ง ทรายคำทรายหนักชั่งตราสังข์หนึ่ง ทองคำก้อนหนักหกตำลึงสองบาทสองสลึงเฟื้อง เป่าทองคำสามสิบเป่า ของพระสุนทรนุรักษ์ทองคำทรายหนักสิบห้าตำลึงแขก ผ้ายกทองสีต่างกัน สองผืน ของพระสมบัติภิรมย์ ของหลวงอนุรักษ์ภูเบศณ์ เป่าทองคำคนละเถา ๆ สามเป่าหกเป่า ผ้ายกทองซ้ำสีต่างกันคนละสองผืน สี่ผืน ผ้าลายนอกอย่างคนละยี่สสอบผืนสี่สอบผืน ของหลวงวิเศษภักดีเป่าทองสองเป่า ผ้ายกทองผืนหนึ่ง ม้าผ่านดำสูงสองศอกคืบสามนิ้วม้าหนึ่ง แล้วพวกสูกค้าชาวตลาดทูลถวายหมูเป็ดไก่แลหมากพลู ผลไม้ต่าง ๆ ร้อยโต๊ะ ทรงพระราชทานสุราด้วยพระหัดหถ์ให้พวกพ่อค้า รับพระราชทานคนละจอกแล้วเสด็จขึ้น คุณหญิง คุณจอมจัน คุณกลิ่นเข้าเฝ้าตั้งของถวายข้างใน เจ้าคุณตำหนักใหม่กราบทูลถวายของ คุณหญิงตะไหรศีศะหงศฺขาทองคำยี่สอบเล่ม ขานากยี่สิบเล่ม ขากาไหล่ยี่สิบเล่ม รวมกันร้อยเล่ม มีดพับห้าโลสิน ตะไกรกริบห้าโลสิน ผ้าแพรเก็บน่ากว้างสามคืบยี่สิบผืน ผ้าพื้นด้านสีต่างกัน ร้อยผืน ผ้าลายนอกอย่างร้อยผืน กระบุงเชี่ยนหมากร้อยใบ เทียนใหญ่ร้อยเล่ม เทียนน้อยห้าร้อยเล่ม ส้มตรังกานู พลูหอม หมากดิบ สิ่งละสี่โต๊ะ รวมกันสิบสองโต๊ะ คุณจอมจัน คุณกลิ่น ถวายผ้าขาวดอกแปดสิบศอกคนละสิบพับ รวมกันยี่สิบพับ

@ ครั้นเพลาย่ายสี่โมงเศษ เสด็จทางชลมารคด้ายเรือ พระที่นั่งกำปั่นสยามอรสุมพลกลไฟเข้าในคลอง มาถึงน่าจวนเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา เห็นน่าท่าผาสูกสอาด ทรงประสาทพระพรให้พลางทางขึ้นจวนแลฉางใหม่ แลบ้านเรือนราษฎรริมกำแพงเมืองถึงเตาเผาอิฐที่บ่อพลับ เรือพระที่นั่งถึงน่าบางขุนทองและเกาะยอทรงพระกล้องส่องทอดพระเนตรไปเห็นริมป่าน่าป่าขาดป่าร่อ ตรัสถามพระสุนทรนุรักษ์ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลาตามกล้องส่องถึง พระสุนทรนุรักษ์ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา กราบทูลถวายตามรับสั่งถามแล้วตรัสถามว่าบ้านช่องแน่นหนา เกาะยอลอยอยู่กลางแม่น้ำสนุก สนาน ตรัสว่าทเลสาบเลี้ยวป่านี้ก็จะถึง พระยาพัทลุงบอกว่าทางสองคืนขี้ปด๑๓ พอฝนตกลงที่เกาะยอ เสด็จกลับมาประทับที่ตะพานน่าจวนเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาคอยท่ารับเสด็จอยู่ เสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่งกับพระเจ้าหน่อ ๖ องค์ พวกชาวพนักงานที่ท่ารับเสด็จก็ตีกลองทองเหลืองเครื่องประโคมแตรซอขลุ่ย ตำรวจซ้ายขวาถือหวายนำ พวกทหารสิป่ายชายหญิงแบกปืนปลายหอกพร้อมเพรียง ถึงน่าประตูพุทธรักษา ตรัสถามว่านี่ฤๅบ้านพระยาสงขลา แล้วเสด็จเข้ามาตามประตูมรคาพิทักษ์ เสด็จขึ้นไปทรงประทับอยู่บนป้อมพิทักษ์เขื่อนขันธ์ ตรัสภาทว่าโรงเตาทำสิ่งไร เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา กราบบังคมทูลว่าโรงกลวงสูบน้ำทองแดงหล่อโตก แล้วตรัสถามถึงโรงสุรา แลศาลากลาง คลองขวาง เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลากราบบังคมทูลถวายตามตรัสถาม แล้วตรัสว่ากำแพงบ้านพระยาสงขลาถึงกำแพงเมืองข้างหลังฤๅไม่ เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลากราบทูลไม่ถึง ตรัสถามว่าตึกดินมีฤๅไม่ กราบทูลว่ามีอยู่ภายในกำแพงเมืองใกล้ประตูสนามสงคราม ฝ่ายบูรพ์ ทรงประทับอยุ่บนป้อมพิทักษ์เขื่อนขันธ์ครู่หนึ่ง แล้วเสด็จกลับไปสู่พระราชวังแหลมซาย เพลาวันนั้นกรมการผู้ใหญ่ผู้น้อย แลราษฎรในเมืองนอกเมมืองทั้งปวงตั้งโตกบูชาซักธงทั่วกัน เพลาค่ำ เรือกำปั่นเหล็กเจ้าพระยากลไฟ ซึ่งเจ้าคุณกระลาโหมจัดแจงให้กปิตันฉุน๑๔ ลงไปจัดซื้อสิ่งของเมืองสิงคโปร์ พาน้ำแขงกับครอบทองแดงวิสาศมาถวาย แล้วพระองค์ทรงจัดของให้กปิตันฉุนพาเข้าไปกรุงเทพพระมหานคร พระราชทานให้สมเด็จพระบิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว กับลายพระราชหัดถเลขาฉบับหนึ่ง เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ให้หลวงนาพาของลงไปส่งถึงก่ำปั่น แล้วเจ้าคุณกระลาโหม ให้พระนายไวยวรนารถ๑๕ พาน้ำแขงมาให้เจ้าคุณสำเร็จราชการเมืองสงขลาลาว่า ให้จัดแจงเรือลงไปบรรทุกพระยาม้าพระที่นั่งกับเครื่อง ลครที่เรือกำปั่นราชรังสฤษดิขึ้นมา พรุ่งนี้เช้าจะเสด็จพระราชดำเนินเข้าเมือง
----------------------------------------
๗ คือเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง  
๘ เปนศิลาใต้น้ำ ศิลาแปรงหมู ฤๅศิลามมิหร่า ก็เรียก  
๙ พระยาพัทลุงทับ  
๑๐ ลาอย่างนี้ เอามาจากเกาะสี่เกาะห้าในทเลสาบ  
๑๑ คือเจ้าพระยายมราช เฉย  
๑๒ เข้าใจว่า เจ้าพระสงขลาบุญสังข์ทุพลภาพไปตามเสด็จประพาศไม่ได้ด้วยตนเอง พระสุนทรนุรักษ์จึงเปนผู้ตามเสด็จ พระสุนทรนุรักษ์นี้ชื่อเม่น ได้เปนพระยาสงขลาต่อมา ครั้งถึงรัชกาลที่ ๕ ได้เปนพระยา  
๑๓ ที่พระยาพัทลุงกราบทูล ฯ หมายเอาทเลสาบในตอนทเปนแขวงเมืองพัทลุง  
๑๔ กปิตันฉุนนี้ แล้วเปนขุนจรเจนทเล ถึงรัชกาลที่ ๕ เปนพระชลธารพินิจจัย  
๑๕ คือเจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์

@ ณ วันที่ ๔ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๙ เพลาเช้า พระนางนาฎราชเทวี แลพวกเจ้าจอมหม่อมลคร แลพระเจ้าหน่อ ๖ องค์ ทรงช้างกูบวองพังพลาย ๒๐ ช้าง กับวอใส่ม่านทองม่านผ้าลาย ๑๕ วอ ไปชมเขาเก้าเสง ภายหลังสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งกับพระสุนทรนุรักษ์ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา ให้พาหลวงวิสูตรโยธามาตย์ ๑๖ เจ้ากรมทหารใน ไปดูตึกดินเสร็จแล้ว ๆ กลับมากราบทูล มีรับสั่งให้พระสุนทรนุรักษ์ขุดบ่อใส่โซ่เหล็กไว้กันฟ้าข้างละสองบ่อ ๔ บ่อ ครั้นเพลาบ่าย ๒ โมงพระนางนาฎราชเทวี กับเจ้าจอมหม่อมลคร แลพระเจ้าหน่อ ๖ องค์ กลับมาแต่เขาเก้าเสง กราบทูลว่าที่สนุกสนานอยู่ รับสั่งว่าพรุ่งนี้เช้าจะเสด็จไปทอดพระเนตรดูบ้าง ครั้นเพลาบ่าย ๔ โมงเสด็จพระราชดำเนินเข้าเมือง เจ้ากรมปลัดกรมพระตำรวจต่างคนต่างจัดแจงตามน่าที่พนักงาน พวกกรมนครบาลเอาธงแดงแลปืนขานนกยางไปจุกช่องปักะงระวังรักษาอยู่ทุกช่องทุกตรอก พวกทหารปืนใหญ่ลากปืนใหญ่ไปน่า วางม้าตาริ้วสองแถว ถัดมาทหารหามปืนขานกยาง ตำรวจน่าซ้ายขวาถือหอกคร่ำทอง เจ้ากรม ปลัดกรมพระตำรวจซ้ายขวาขัดกระบี่บั้งทอง ทนายสิป่ายถือธงมงกุฎใหญ่เดินกลาง ทนายสิป่ายถือหอกใหญ่เดินน่า พวกทหารสิป่ายแบกปืนปลายหอกสองแถว ตำรวจเลวซ้ายขวาถือหวายมัด นำน่าสองแถว พวกผู้หญิงทหารสิป่ายเดินน่าม้าพระที่นั่งสองแถว พระนายศรีสรรเพธแลพวกรักษาองค์เดินเคียงม้าพระที่นั่ง พระองค์ เสด็จทรงพระยามณีศรีสลับม้าพระที่นั่ง พระยาระยับยอแสงม้าพระที่นั่งรอง หลวงมาลาภูษิตเชิญพระกลด ทหารผู้หญิงรักษาองค์ สี่คนขี่ม้าเคียง พวกเจ้าจอมหม่อมแม่เจ้าท้าวนางข้างใน กับพระเจ้าหน่อ ขิ่วอม่านทอง ม้าประเทียบ ม้ารองพระที่นั่ง แลทนายเชิญเครื่องแลข้าทูลลอองธุลีพระบาททั้งปวง มีเสด็จพระเจ้าน้องยาเธอ แลพระเจ้าลูกยาเธอ พระบวรราชวงษ์เธอ มีเสด็จกรมหลวงวงษาธิราชสนิทเปนประธาน เจ้าพระยาแลพระยา ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย มีพณหัวเจ้าท่านเจ้าคุณกระลาโหมเปนต้น ติดตามเสด็จพระราชดำเนินโดยลำดับเปนสองแถวดูสง่างาม เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ให้หลวงเพทนรินทร์อินทรเดชะยกรบัตร หลวงพลฤทธิพิไชย นำน่ากระยวนแก่มาตามทางสถลมารคข้างเขาตังกวนโดยขนัด พวกชายหญิงชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลายก็โสมนัศเยียดยัดเข้ากันมาหมอบเฝ้าอยู่สองข้างมรคาตลอดเมืองตามสถลมารค จนถึงพระราชวังแหลมซาย ต่าง ๆ ยกมือขึ้นถวายบังคมชมพระบรมโพธิสมภารอยู่ถ้วนหน้า พระสงฆ์ซึ่งอารามอยู่ริมทางที่ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาทั้งนั้น ประชุมกันตั้งโตกบุชาถวายพระพร ไชยโตทุกอาราม เสด็จมาถึงประตูพยัตฆนามเรืองฤทธิ แล้วเสด็จทอดพระเนตรดูกำแพงไปถึงป้อมป้องกันศัตรู แล้วกลับมาถึงประตูพยัคฆนามเรืองฤทธิ ทอดพระเนตรเห็นหนทางราบเลี่ยนเตียน สอาด ทรงประสาทพระพรมงคลว่า ให้บ้านเมืองถาวรจำเริญ ๆ จึงเสด็จพระราชดำเนินเข้ามาตามประตูพยัคฆนามเรืองฤทธิ ทางคลองขวางราษฎรริมทางชักธงตั้งโตกถวายบูชาต่อเนื่องกัน ข้ามตะพานคลองขวางมาถึงน่าวัดดอนแย้ ตรัสถามว่าพระครูหมีอยู่นี่ฤๅ แล้วเสด็จมาถึงน่าวัดมัชฌิมาวาศ ทรงทอดพระเนตรดูพระอุโบสถแล้วตรัสว่าช่อฟ้าดูไม่ได้ ให้ช่างกรุงมาแก้เสียใหม่ ถึงโรงสุเหร่า ตรัสถามว่านี่โรงอะไร กราบทูลว่ากฎีมลายู แล้วเสด็จเลี้ยวลง ทางตลาดใหญ่ ตรัสว่าตึกร้านบ้านตลาดค้าขายสุกสนาน พวกชาวบ้านชาวเมืองตั้งโตกบูชาประกาดขันกันแขงเรง เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรดูสองข้างทลาถึงศาลเจ้ามาจ่อ ตรัสถามพระนายศรีสรรเพธว่าโรงอะไร กราบทูลว่าโรงศาลเจ้ามาจ่อ ถึงป้อมพิทักษ์เขื่อนขันธ์เสด็จขึ้นประทับกับพระเจ้าหน่อ ๖ องค์ ทรงขึ้นไปบนใบสีมาแต่พระองค์ แล้วลงมาสถิตย์หว่างใบสีมาปละปัจจิม ทรงพระบริจาคโปรยเงินเฟื้องกับพระเจ้าหน่อ ๖ องค์ ให้แก่ราษฎรพันเฟื้องหมดแล้ว ๆ คว่ำพานสุวรรณที่ใส่เงินให้ราษฎรดูว่า เงินหมดแล้ว แล้วตรัสว่าเงินที่จมทราบแลลงในน้ำอยู่มาก คอยเอาตะกร้ามาร่อนเอา แล้วเข้ามาประทับบนเตียงพระที่นั่ง ตรัสให้พวกพ่อค้าชาวร้านตลาดมีผ้าผ่อนแพรพรรณสิ่งใดประหลาดให้พาเข้ามาขายจะทรงซื้อ พวกพ่อค้าผ้าพาแพรเข้าไปตามรับสั่ง ทรงทอดพระเนตรผ้าแลแพร โปรดผ้าชุบอาบยกตานกเขา แลผ้าชุบอาบลายต่าง ๆ แล้วตรัสว่าราคาขายกันอย่างไร พ่อค้าเจ้าผ้าทูลถวายราคาว่า ผ้าชุบอาบตานกเขาผืนละสามบาท ผ้าชุบอาบเลวผืนละสองบาท ตรัสว่าเจ้าของเต็มใจทั้งสิ้นแล้วฤา เราไม่ต่อ เราซื้อให้ตามว่า เจ้าคุณกระลาโหมกราบบังคมทูลว่า เมื่อเพลาเช้าวันนี้เกล้ากระหม่อมให้คนเอาเงินมาเที่ยวซื้อทั้งตลาดทุกร้านไม่มี ครั้นล้นเกล้าล้นกระหม่อมเสด็จมาจะทรงซื้อผ้าอย่างดีสีต่าง ๆ มีขึ้นมาก เสด็จกรมหลวงวงษาธิราชสนิทกับเจ้าคุณกระลาโหมขอปันซื้อ ทรงโปรดให้ นอกแต่นั้นซื้อเอาทั้งหมด พระเจ้าหน่อ ๖ องค์ต่างองค์ต่างชิงกันทรงพระสรวล แล้วตรัสถามพระสุนทรนุรักษ์ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา ว่าดินดำสำหรับเมืองได้ดินที่ไหนใช้ กราบทูลว่าแต่ก่อนใช้ดินดำตำเอาเอง ในเดี๋ยวนี้ลูกค้าชาวเมืองสิงคโปร์พาดินดำเข้ามาค้าขายมาก จัดซื้อดินดำนอกไว้ใช้ รับสั่งว่าซื้อดินดำนอกไว้มใช้ดีแล้วดินดำตำเอาเองสู้เขาไม่ได้ ถึงกรุงเทพพระมหานครก็เลิกเสียแล้วซื้อดินดำนอกไว้ใช้เหมือนกัน ตรัสว่าให้ซื้อไว้สำหรับบ้านเมืองให้พอใช้ จะหักเอาเงินส่วยอากรภาษีรายใดก็ตามเถิด แล้วตรัสอื่นต่อไป เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาให้หลวงสมบัติภิรมย์หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ ผู้ช่วยราชการ ยกที่พระสุธารศร้อนไปถวายเจ้าต่างกรมแลเจ้าหากรมมิได้ มีเสด็จกรมหลวงวงษาธิราชสนิทเปนต้นแลเจ้าคุณกระลาโหม เสร็จแล้ว ทรงประทับอยู่จนพลบค่ำ เสด็จลงเรือพระที่นั่งสยามอรสุมพลกลไฟสู่พระราชวังแหลมซาย ครั้นเพลาพลบค่ำรับสั่งให้เอาชาตรีเข้าไปเล่นที่โรงลคร ทรงทอดพระเนตรชาตรีถึงสองยามจึงเสด็จขึ้น

@ ณ วันพฤหัศบดีเดือนเก้าแรมสองค่ำเพลาเช้า เสด็จออก ท้องพระโรง พระยากลันตัน๑๗ แลพวกศรีตวันกรมการเมืองกลันตันตั้งของถวาย พระยาเทพวรชุนกราบทูลถวายของพระยากลันตัน ทองคำทรายหนักสองชั่งตราสังข์ กับของศรีตวันกรมการเสร็จแล้ว เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา จัดให้หลวงเทพนรินทร์อินทรเดชะยกรบัตรนำทางชลมารค ทอดเรือช่วงต่อเนื่องกันไปจนถึงเขาเก้าเสงสิบลำ เพลาบ่ายสองโมงเศษเสด็จลงเรือพระที่นั่งกำปั่นสยามอรสุมพลกลไฟ กับกำปั่นมณีเมขลาไปทอดพระเนตรเขาเก้าเสงถึงเขาแล้วประทับเรือพระที่นั่งที่ฉนวน เสด็จพระราชดำเนินขึ้นบนเขาเก้าเสง แล้วเลยไปทอดพระเนตรพระเจดีย์บนยอดเขาดูไปทั้งสี่ทิศแล้วเสด็จลงมาประทับในพลับพลาที่หลวงเทพสุรินทร์เสนาจ่ามหาดไทย ทำไว้รับเสด็จที่บนเขา ตรัสถามเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ว่าเจดีย์ใครทำเมื่อใด เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลากราบ บังคมทูลว่า เกล้ากระหม่อมได้จัดแจงซื้อศิลามาแต่เมืองแฮมุย ทำไว้ได้สามสิบปีแล้ว แล้วหลวงชาติสุรินทร์กราบทูลถวายของจีนหุยพ่อค้าชาวเมืองสงขลาร้อยโต๊ะ ของจีนฮันลูกค้าชาวเมืองสงขลาของใส่ชลอมใส่กะชะหามหาบแบกกองไว้ ของพวกจีนส่วยทองเกาะยอสิบโต๊ะมีแจ้งในราย แล้วตรัสว่าหมูเป็ดไก่ของสดให้เอาไปให้พวกที่อยู่รักษาเรือ นอกกว่านั้นให้แจกให้พวกตำรวจพวกทหาร พวกตามเสด็จกินเสีย เจ้าคุณกระลาโหมก็แจกให้ทั่วกัน แล้วพระนายศรีสรรเพธเชิญที่พระสุธารศเข้าไปถวาย ทรงเสวยเสร็จแล้ว ขึ้นทรงพระยามณีศรีสลับม้าพระที่นั่ง พระยาระยับยอแสงม้าพระที่นั่งรอง ตั้งกระบวนวางตาริ้วสองแถว หลวงพลฤทธิพิไชย หลวงพิไชยชาญณรงค์ นำเสด็จตามทางสถลมารคชายคลองสำโรง ปละอุดรรีบมาถึงประตูไชยยุทธชำนะ ลงทางสุเหร่า ทรงดำเนินช้า ๆ มาตามตลาด ทอดพระเนตรดูโตกตั้งบูชาแลราษฎรค้าขาย จ่ายตลาด ทอดพระเนตรดูเลอียดถี่ถ้วนทุกสิ่ง แล้วเสด็จมาออกประตูพิทักษ์มรคาน่าจวน มาถึงประตูจันที่พิทักษ์ คุณหญิงหมอบเฝ้าอยู่ที่โตกตั้งบูชา หยุดม้าพระที่นั่งตรัสถามคุณหญิงว่าประตูบ้านออกนี่ฤๅ คุณหญิงกราบทูลว่าประตูออกตรงนี้ แล้วเสด็จตามทางสถลมารคช่องเขาตังกวนสู่พระราชวังแหลมซาย เพลาพลบค่ำ โหมโรงมีลคร(หลวง) ให้พวกพระยาแขกหัวเมืองแลพวกราษฎรดู จนสามยามจึงเสด็จขึ้น

@ ณ วันศุกรเดือนเก้าแรมสิบสามค่ำเพลาเช้า เสด็จออก พลับพลาทรงถวายบิณฑบาตทานแก่พระครูญาณโมฬี พระครูธรรมโมฬี ๒ รูป พระครูปลัด ๒ รูป พระครูวิริยสังวรรูป ๑ เสร็จแล้ว ถวายไตรแพร ๓ ไตร ไตรผ้า ๒ ไตร รวมกัน ๕ ไตร กับย่ามรูปละใบ ครั้นพระครูทั้งนั้นกลับแล้ว เสด็จทรงลครให้พวกพระยาแขกแลพวกราษฎรดู เพลาบ่าย ๒ โมงทรงพระราชทานเงินตราแลเสื้อผ้าแก่เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา แลพระสุนทรนุรักษ์ หลวงสมบัติภิรมย์ หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ หลวงวิเศษภักดี ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา พระราชทานให้เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาเงินตราสามสิบชั่ง กับเสื้ออย่างน้อยผ้าชาติเยี่ยรบับตัว ๑ ลูกดุมทองคำสายหนึ่งเจ็ดใบ ผ้าปูมเขมรผืน ๑ แพรขาวเพลาะ ๑ พระสุนทรนุรักษ์ผู้ช่วยราชการเงินตราห้าชั่ง กับเสื้อเยี่ยรบับตัว ๑ ลูกดุมทองคำสำรับ ๑ ผ้าปมเขมรผืน ๑ แพรขาวเพลาะ ๑ หลวงสมบัติภิรมย์ หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ หลวงวิเศษภักดี ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลาเงินตราคนละชั่งสิบตำลึง เสื้อเข้มขาบคนละตัว ผ้าม่วงคนละผืน แพรขาวคนละเพลาะ เสร็จแล้วเสด็จขึ้น ทรงพระราชทานเงินผ้าข้างในให้คุณหญิงเงินตราสองชั่งสิบตำลึง กับ ผ้าห่มนอนเข้มขาบผืน ๑ คุณจอมจันเงินตราชั่งห้าตำลึง คุณกลิ่นเงินตราชั่ง ๑ คุณอินภรรยาพระสุนทรนุรักษ์ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลาเงินตราชั่ง ๑ กับผ้าห่มนอนเข้มขาบผืน ๑ เสร็จแล้ว เสด็จออกพลับพลาข้างน่าทรงลครอิกเล่า เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายเงินเหรียญให้ทรงพระราชทานเจ้าจอมหม่อมลครสี่ร้อยเหรียญ พระสุนทรนุรักษ์ หลวงสมบัติภิรมย์ หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ หลวงวิเศษภักดี ผู้ช่วยราชการเมืองสงชลา ถวายคนละห้าสิบเหรียญ พวกแขกหัวเมือง พระยาสาย พระยายะหริ่ง พระยาตานี พระยาระแงะ พระยารามัน พระยายะลา พระยาหนองจิก ตนกูโนะเมืองตรังกานู คนละห้าสิบ คุณหญิงห้าสิบ คุณอินสามสิบ รวมกันเปนเงินพันแปดสิบเหรียญ เสร็จแล้วเสด็จขึ้น ครั้นเพลาค่ำทรงลครอิกเล่า จนถึงสองยามจึงเสด็จขึ้น

@ ณ วันเสาร์เดือนเก้าแรมสิบสี่ค่ำ เพลาเช้าออกท้องพระโรง พระยาเทพวรชุนทูลถวาย นายทัด นายเรือง นายมิ่ง นายพงษ์ นายกิ่ง นายเสือ นายพุ่ม นายเวียง เปนมหาดเล็ก ตรัสถามว่า คนนั้นบุตรใคร หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ ชี้ตัวถวายให้ทรงทราบว่าคนนั้นเปนบุตรคนนั้น ๆ ทุกคนเสร็จแล้วเสด็จขึ้นอยู่ครู่หนึ่งเสด็จออก พระยาสายบุรี พระยายะหริ่ง พระยาตานี พระยารามัน พระยาระแงะ พระยายะลา พระยาหนองจิก แลพระวิเศษวังษา ผู้ช่วยราชการเมืองยะหริ่ง พระจนะ หลวงพิทักษ์สงครามปลัดจนะ นายกล่อมผู้ว่าราชการเมืองเทพา แลตนกูโนะ ตนกูอาสัน ซึ่งพระยาตรังกานูแต่งให้มาเข้าเฝ้าตั้งของถวาย พระยาเทพวรชุนกราบทูลถวายของ พระยาสายบุรีเปาทองคำหกเปา ทองคำทรายสิบตำลึงแขก พระยายะหริ่งเป่าทองคำสามเป่า กฤชด้ามทองฝักทองเล่ม ๑ ทองคำทรายสิบตำลึงแขก กะรอกเหลืองกรง ๑ พระยาตานี กฤชด้ามทองเล่ม ๑ หนัก ๕ ตำลึง ทองคำทรายสิบตำลึงแขก พระยารามัน ทองคำทรายหนัก ๒๐ ตำลึกแขก เนื้อลายตัวผู้ ๑ ผู้หญิงหัวพริก ๒ คน๑๘ พระยาระแงะ สมุกทองทำ ๑ เป๋าทองคำเป๋า ๑ ทองคำทราย ๑๐ ตำลึงแขก คนหัวพริกชายหญิง ๒ คน พระยาหนองจิก เป๋าทองคำ ๒ เป๋า ทองคำทรายหนัง ๕ ตำลึง พระยายะลา เป๋าทองคำ ๖ เป๋า ทองคำทรายหนัก ๔ ตำลึง พระวิเศษวังษา ผู้ช่วยราชการเมืองยะหริ่ง เป๋าทองคำ ๒ เป๋า นกเขาชาวาขาว ๑ นกเขาใหญ่ลาย ๑ พระจนะทองคำทรายหนัก ๔ ตำลึงคนหัวพริกคน ๑ หลวงพิทักษ์สงคราม ปลัดจนะ ทองคำทรายหนัก ๔ ตำลึง ผ้าขาวยาวแปดสิบศอกสิบพัน นายกล่อมผู้ว่าราชการเมืองเทพา ทองคำทรายหนัก ๒ ตำลึง ผ้าขาวดอกสีต่างกัน ๔ พับ ของพระยาตรังกานู ผ้ายกอย่างแขก ๔ ผืน หอกตอทองเถลิงทองห้าคู่ ไม้เท้าปลายหอก ๕ เล่ม ม้าสีฝ้าย ๒ ม้า เสร็จแล้วทรงพระดำรัสว่าจะเสด็จออกมาเที่ยวทอดพระเนตร ตามหัวเมืองปากใต้ให้สบายพระหฤไทยดอก พวกแขกหัวเมืองมีน้ำใจพากของเข้ามาถวาย ทั้งนี้ก็ขอบใจอยู่ แล้วทรงพระราชทานพรแลเสื้อหมวกให้แก่พระยาแขกหัวเมืองทุกคน แต่พวกแม่กองปังอลูได้เสื้อปัศตูเขียวอย่างแขกคนละตัว พวกไพร่ซึ่งมาด้วยสิ้นทั้นนั้นพระราชทานเงินเสมอ คนละบาท คนแปดร้อยสี่คนเปนเงินตราสิบชั่งตำลึง แล้วทรง พระราชทานพวกนายงานที่ทำพระราชวังแหลมซาย หลวงศรีสมบัติ เงินตรา ๕ ตำลึง กับเสื้อแร่จีนเจาตัว ๑ หลวงเพ็ชรคีรีศรีราชสงครามปลัด หลวงเมือง หลวงน่าวัง หลวงเพ็ชรพยาบาล หลวงระโนฎ หลวงศรีปดูกา หลวงฤทธิเทวา ได้เสื้อแพรจีนเจาคนละตัวหลวงเทพนรินทร์อินทรเดชะยกรบัตร หลวงเพทสุรินทร์อินทรเสนาจ่ามหาดไทย หลวงพลฤทธิพิไชย หลวงพิไชยเสนา หลวงเทพเสนา หลวงไชยประชา ได้เสื้อแพรจีนเจาคนละตัว เงินตราคนละ ๓ ตำลึง ขุนแก้วเสนา ขุนสรรพากร ขุนศรีโยธา ขุนกล้าอาสา ได้เสื้อผ้าต่างสีคนละตัว เงินตราคนละ ๒ ตำลึง ขุนเทพอาญา ขุนต่างใจ ขุนอักษร ขุนไชยชาญยุทธ ขุนปลัด ขุนพิพักษ์ ขุนอักษร ขุนภักดีอักษร ขุนจิตรอักษร ขุนฤทธิอักษร ขุนจำนงโยธี ขะนจำนงวาที ขุนชำนาญอักษร ขุนสมุหบาญชี ขุนรองแพ่ง ขุนรองมหาดไทย ขุนกลางวัง ขุนทิพวิจารณ์ ขุนอินทรอาญา ขุนศรีพิทักษ์ ขุนอินทรอักษร ๒๐ คนนี้ ได้เสื้อผ้าต่างสีคนละตัว หมื่นพลภักดี หมื่นราช นุกิจ หมื่นชิตรักษา หมื่นเสนาะวาที หมื่นศรีภักดี หมื่นศรีรักษา หมื่นวิสุทธิพล หมื่นวิจิตรเลขา หมื่นบรรจงพินิจ หมื่นวิจิตรบรรจง ๑๐ คนนี้ ได้เสื้อผ้าต่างสีคนละตัว นายเทด นายมง นายมาก ช่างไม้ได้เสื้อแพร่จีนเจาคนละตัว เงินตราคนละ ๒ ตำลึง ช่างไม้เลว ๓๑ คน พระราชทานเสี้อผ้าขาวดอกคนละตัว เจ้าคุณผู้สำเร็จ ราชการเมื่องสงขลาเพิ่มเงินให้คนละเหรียญ เสร็จแล้วทรงลครให้พวกพระยาแขกหัวเมืองดู เพลาบ่าย ๒ โมงเศษ ทรงพระบริจาคทานเงินบาทด้วยพระหัดถ์กับพระเจ้าหน่อ ๖ องค์ แก่ผู้เถ้าผู้แก่ชายหญิงที่สูงอายุแต่ ๕๐ ปีเศษขึ้นไปถึงอายุ ๖๐ ปี ๗๐ ปี ๘๐ ปี เสมอคนละบาทคนที่มารับพระราชทาน ๘๑๙ คน คิดเปนเงินตรา ๑๐ ชั่ง ๔ ตำลึง ๓ บาท แต่ขุนจำเริญวัจนโหนงรับพระราชทานเงินแล้ว ยกมือถวายบังคมให้พรว่าขอให้พระทูลกระหม่อมแก้วจำเริญ พระชนมายุเสวยราชสมบัติยืนได้ร้อยพันวษา เสด็จพ้นไปแล้วเสด็จกลับมาตรัสว่า นับถือข้าฤๅนะ ทูลว่านับถือเกล้ากระหม่อม แล้วเสด็จขึ้น ครั้นเพลาค่ำรับสั่งให้เอา ลครสำหรับเมืองสงขลาเข้าไปเล่น ทรงทอดพระเนตรแล้วทรง พระสรวล ทรงพระราชทานเงินให้พวกลครปันกัน ๖๐ บาท จนถึง ๒ ยามต่อเสด็จขึ้น ฯ

@ ณ วัน ๑ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ เพลาเช้ามีรับสั่งออกมาว่าจะเสด็จไปทอดพระเนตรเกาะยอด้วยเรือพระที่นั่งสยามอรสุมพลกลไฟ เพลาเที่ยงเสวยแล้วรับสั่งเรียกคุณจอมจัน ๆ ขึ้นไปหมอบเฝ้าอยู่ที่บันไดประตูทักษิณหลังเสวยข้างใน ทรงตรัสถามคุณจอมจันว่าเสด็จออกมาครั้งนี้ พวกข้าราชการซึ่งตามเสด็จออกมาไปข่มเหงยื้อแย่งชาวบ้านชาวเมืองบ้างฤๅ คุณจอมจันกราบทูลว่า เดชะพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม พวกข้าราชการทั้งปวงซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนินมาหาได้ข่มเหงชาวบ้านชาวเมืองไม่ แล้วดำรัสถามว่าชาวบ้านชาวเมืองทั้งปวงได้เห็นลครข้างในพูดจากันอย่างไรบ้าง คุณจอมจันกราบทูลว่าชาวบ้านชาวเมืองทั้งปวงที่ได้เห็นชวนกันชม แล้วพูดว่าเหมือนหนึ่งนางเทพอับศรชาวสวรรค์ลงมาทีเดียว แล้วตรัสถามว่าลครที่เล่นคืนนี้ฤๅที่เล่นรับแขกบ้านแขกเมือง คุณจอมจันกราบทูลว่า ลครนั้นแลเกล้ากระหม่อม แล้วทรงพระสรวล เสด็จออก จากท้องพระโรง พระครูธรรมโมฬี พระครูญาณโมฬี พระถานา ๑๑ รูป ที่นั่งคอยท่าจะถวายพระพรไชยันโตอยู่ที่พระที่นั่งเย็น ก็ถวายไชยันโตขึ้น เข้าใจว่าจะเสด็จลงเรือ ยกพระหัดถ์ขึ้นห้ามว่ายังไม่ไปก่อน พระครูถานาทั้งนั้นก็หยุดอยู่ เสด็จลงไปวัดแดดที่น่าพลับพลาน้ำ เสร็จแล้ว กลับขึ้นมาทรงประทับที่พระที่นั่งเย็นกับพระครูธรรมโมฬี พระครูญาณโมฬี พระถานาทั้งปวง ทรงตรัสว่าเมืองนี้รู้จักแต่พระครูหมีองค์เดียว เมืองนครรู้จักมหาจู มหารุ่ง แลขรัวแก้ว หลายองค์ วัดวาอารามเมืองนครมาก แต่ชำรุดหักพังไม่มีผู้จะบุรณปฏิสังขรณ์คร่ำคร่าเสียมาก อารามที่เมืองสงขลาดูก็เปนใหม่ปนเก่าอยู่บ้างแล้วตรัสถาทหลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา ว่ากระเบื้องถ้าให้ตัวอย่างมาอย่างใดทำได้เหมือนอย่างนั้นฤๅ กราบทูลว่าทำได้ แล้วตรัสกับเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาว่า ถ้าก่อพระเจดีย์เสร็จแล้ว เรือกำปั่นไฟก็มี จะออกมาฉลองพระเจดีย์สักทีก็ได้ แต่รับรองเลี้ยงขุนกันแขงแรงดังนี้จะพากันยากจนเสีย เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลากราบทูลว่า พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมอยู่แล้วไม่ยากจนมิได้ ทรงพระสรวลแล้วเสด็จขึ้น รับสั่งเรียกเอาเป๋าทองคำ ที่เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาถวาย แลเป๋าหลวงสมบัติภิรมย์ หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ หลวงวิเศษภักดี ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา แลเป๋าพระยาแขกหัวเมืองทั้งปวงถวาย เอามากองลงที่ท้องพระโรง แล้วตรัสว่าจะออกมาเที่ยวทอดพระเนตรตามหัวเมืองปากใต้ให้สบายพระหฤทัย ท้าวพระยาแลแขกหัวเมืองทั้งปวงมีน้ำใจเอาเข้าของมาให้มากมาย จะเอาไว้แต่ผู้เดียวมิชอบ ควรจะเอาแจกปันแก่พระบวรวงษาให้ทั่วกัน แล้วทรงเอาเป๋าแยกออกเปนสองส่วน ๆ หนึ่งจะเอาไปแจกพระบวรวงษาที่กรุง ฯ ส่วนหนึ่ง จะปันให้พระบวรวงษาที่ตามเสด็จมา แล้วทรงยถาด้วยพระองค์เอง พระเจ้าหน่อ ๖ องค์ก็รับสัพพีติโยจนจบ แล้วหยิบเป๋าแจกให้ไปตามผู้ใหญ่ผู้น้อย แล้วเสด็จขึ้น เจ้าคุณกระลาโหมเอาตัวอย่างพระเจดีย์ มาให้ถึงทำเนียบเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา เพลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จออกจะลงเรือพระที่นั่งกำปั่นสยามอรสุมพลกลไฟ ไปทอดพระเนตรเขาเกาะยอ พระครูธรรมโมฬี พระครูญาณโมฬี แลพระครูถานาทั้งปวงซึ่งนั่งอยู่ที่พระที่นั่งเย็น ๑๑ รูปถวายพระพรไชยัน โตขึ้น เสด็จลงเรือพระที่นั่งสยามอรสุมพลกลไฟ น้ำลงแห้งเรือพระที่นั่งมาติดที่แหลมซาย เสด็จลงเรือพระที่นั่งล่องบดเข้าในคลองถึงน่าบ่อพลับ ลมพัดกล้าเสด็จกลับมาสู่พระราชวังแหลมซาย เพลากลางคืน ๕ ทุ่มเศษ ยามศุกรฤกษ์ ๑๐ พระอาทิตย์แลพระจันทร์อยู่ราษีสิงห์ พระอังคารอยู่ราษีกรกฎา พระพุฒอยู่ราษีสิงห์ พระพฤหัศบดีอยู่ราษีเมถุน พระศุกร์พระเสาร์อยู่ราษีกรกฏ พระราหูอยู่ราษีมังกร ลักษณอยู่ราษีพฤศภ เสด็จออกท้องพระโรง พระยาไทรบุรีถวายเครื่อง( ทหาร ) สิป่ายตัวนายาสองสำรับ ไพร่สองร้อยสำรับ กับกระบี่อย่างนอก ๒ เล่ม พระยาเทพวรชุน พระวิชิตสรไกร พระเสนหามนตรี แลเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาเฝ้าอยู่ด้วย แล้วตรัสกับเจ้าคุณ ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา แลพระวิชิตสรไกร พระเสนหามนตรีว่า ข้าจะลาก่อน ค่อยอยู่ให้เปนศุข ๆ เถิด แล้วเสด็จมาประทับลงตรงหน้าเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา แล้วจับมือเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ทรงพระราชทานพรว่า ให้เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาอยู่เปนศุข ๆ เถิด แล้วตรัสเรียกพระเจ้าหน่อ ๖ พระองค์ ว่าให้เข้ามาจับลาท่านสงขลาเสีย พระเจ้าหน่อ ๖ องค์ เข้ามาจับมือเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ๆ ( ถวายพระพร )ว่า ให้ทรงพระไวยจำเริญ ๆ ทุก ๆ พระองค์เถิด แล้วเสด็จลงเรือพระที่นั่ง มณีเมขลากำปั่นกลไฟ ประทับอยู่ถึงเจ็ดทุ่ม ติดไฟไขกุญแจเปิดจักรเรือพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินจากเกาะหนู เรือพระที่นั่งสยามอรสุมพลกลไฟ แลเรือพระที่นั่งมงคลเทพ๑๙ ใช้ทั้งใบทั้งจักร เรือเจ้าต่างกรมแลเจ้าหากรมมิได้ แลเรือท้าวพระยาข้าทูลอองธุลีพระบาททั้งจาม เรือแงซาย เรือฉลอง เรือช่วง เรือเก๋ง เรือญายับ รูปเรือ ต่าง ๆ ถ้าจะคณนานับ( เรือ )ได้พันเศษ ก็แวดล้อมเปนยศศักดิบริวารไปในท้องทเล ในเพลาราตรีวันนั้นพระจันทร์ลับเหลี่ยมพระสุเมรุราช ท้องทเลราบรื่นหาคลื่นบมิได้ สว่างด้วยแสงประทีปแก้วบนปลายเสา แลประทีปแก้วรายแคมตลอดรอบลำเรือพระที่นั่ง สีขาวสีเขียว สีเหลืองสีแดงสว่างส่องแสงในทางชลมารค แลเมื่อสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จลงเรือพระที่นั่งกลับไปแล้ว ภายหลังหลวงสมบัติภิรมย์ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลาเข้าไปในท้องพระโรง เห็นลายพระราชหัดถเลขาเปนอักษรอังกฤษทรงไว้ที่ประตูลับแลข้างปัจจิมที่หนึ่ง แล้วหลวงสมบัติภิรมย์ผู้ช่วยราชการมากราบเรียนเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ๆ ให้กปิตันเหียงอังกฤษไปจำลองลายพระราชหัดถเลขาขึ้นไว้แล้ว โปรดให้กบิ่นตันเหียงแปลออกเปนคำสยามภาษาได้ความว่า ประเทศนี้อยู่ดี อากาศร้อนกว่าอากาศเมืองนครสองดิกรี ร้อนเหมือนอากาศกรุงเทพพระมหานคร ผู้คนอยู่ดีแต่มักเจ็บไข้ ถ้าเจ็บไข้มากอยู่ข้างร้อน แต่เขาแลไม้คลอง น้ำดี ดูป่าแลเขาคลองน้ำพอสว่างคลายไปได้ กบิ่นตันเหียงแปลออกความแต่เท่านี้
--------------------------
๑๖ ชื่อโหมด ในรัชกาลที่ ๕ เปนพระยากสาปน์กิจโกศล 
๑๗ พระยากลันตันคนนี้ ชื่อต่วนสนิปากแดง เปนมาแต่ในรัชกาลที่ ๓ มีเรื่องในจดหมายหลวงอุดมสมบัติ แล้วได้เลื่อนเปนพระยาเดชานุชิตจางวาง แขกยกยศเปนสุลต่าน 
๑๘ ที่เรียกว่าผู้หญิงหัวพริกในหนังสือนี้ ที่จริงคือแขกดำชาวอาฟริกา เข้าใจว่าพวกมลายูที่ออกไปเมกกะ จะไปซื้อเด็ก ๆ คนพวกนี้มาจากพวกแขกอาหรับ จึงมักจะมีแขกดำชาวอาฟริกาอยู่ตามเมืองมลายูไม่ใคร่ขาด แม้จนทุกวันนั้น ที่เอามาถวาย ๕ คน ครั้นนี้เปนเด็ก ๆ ทั้งนั้น ในหนังสือนี้ว่าเปนผู้หญิงทั้ง ๕ คน แต่ที่จริงมีผู้ชายคน ๑ เมื่อเข้ามาอยู่ในกรุงเทพเรียกกันว่า “อ้ายยิ” โตขึ้นได้เปนตำรวจถือมัดหวายนำเสด็จ มาจนในรัชกาลที่ ๕ ที่เปนผู้หญิงนั้นอยู่ในวัง ข้าพเจ้าเคยเห็น แต่พึ่งรู้ว่าเปนคนถวาย ครั้งเสด็จสงขลาเมื่อในรัชกาลที่ ๔ ต่อเมื่อได้อ่านหนังสือเรื่องนี้ สอบถามผู้หลักผู้ใหญ่ก็ได้ความสมจริง  
๑๙ มหาพิไชยเทพ
๒๐ คือประจวบคิรีขันธ์ 

@แลเมื่อสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวผู้ทรงพระคุณธรรม อันมหาประเสริฐ ทรงสถิตย์อยู่ในพระราชวังแหลมซายที่เมืองสงขลาได้เก้าราตรีกับแปดทิวา ด้วยอำนาจอานุภาพพระเดชพระคุณ พระบุญบารมี อาจประพฤติเปนไปให้หมู่มัจฉาชาติเกลื่อนกลาดนำฝูงเทกันมา จึงมัจฉมังษาผลาหารสรรพทุกสิ่งก็มากมีบริบูรณ์ ไม่ขัดสน แล้วเสด็จทรงเที่ยวประพาศทอดพระเยตรตามอ่าวคุ้งโดยชลมารคแลสถลมารคในเมืองนอกเมืองทุกที่ทุกตำบล มีพระกมลหฤทัยชื่นชมโสมนัศ จะได้ทรงขัดเคืองตำหนิติเตียนเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา แลกรมการราษฎรชาวบ้านชาวเมืองทั้งปวงก็หามิได้ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่น้อยชายหญิงซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนินออกมามากมายนักหนา เจ้าต่างกรมแลเจ้า หากรมมิได้ พระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าราชวรวงษ์เธอ แลพระบวรวงษ์เธอ แลพระเจ้าน้องยาเธอมีเสด็จกรมหลวงวงษาธิราชสนิท เปนต้น แลพวกเจ้าจอมหม่อมแม่ลครข้างในทั้งปวง มีพระนางนาฎราชเทวีมเหษีเปนประธาน หลวงแม่เจ้าเถ้าแก่จ่าชาวที่ทนายเรือนโขลน มีท้าววรจันทร์ ท้าวสมศักดิเปนต้น เจ้าพระยาแลพระยาพระหลวงขุนหมื่นทั้งปวง มีเจ้าคุณกระลาโหมเปนประธาน แลส่วยซ่องกองช้างตราภูมค้มห้าม ไพร่สมแลสังกัดพันซึ่งตามเสด็จออกมาประชุมพร้อมกันที่เมืองสงขลา เมืองสมุทสงคราม เมืองราชบุรี เมืองเพ็ชรบุรี เมืองปราณ เมืองกุย เมืองบางนารม ๒๐ เมืองกำเนิด นพคุณ เมืองปทิว เมืองชุมพร เมืองสวี เมืองตะโก เมืองหลังสวน เมืองกระ เมืองไชยา เมืองท่าทอง เมืองนครศรีธรรมราช เมืองพัทลุง เมืองปูเหลียน เมืองตะกั่วทุ่ง ตะกั่วป่า เมืองถลาง เมืองตรัง เมืองภูเก็จ เมืองไทร เมืองปลิศ เมืองกะบังบ่าสู เมืองสตูน เมืองกลันตัน เมืองตรังกานู เมืองจนะ เมืองเทพา เมืองตานี เมืองยะหริ่ง เมืองสาย เมืองระแงะ เมืองจนะ เมืองรามัน เมืองยะลา เมืองหนองจิก ฝายตวันออก เมืองสมุทปราการ เมืองพนัศนิคม เมืองชลบุรี เมืองบางลมุง เมืองระยอง เมืองจันทบุรี เมืองตราด มาประชุมพร้อมกันกับคนที่เมืองสงขลา ถ้าจะคณนาได้สี่หมื่นเศษ

@ ครั้น ณ วันเดือนสิบเอ็ดขึ้นสามค่ำปีมแมเอกศก เจ้าคุณ ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาจัดแจงกำปั้นมณีกลอกสมุทลำหนึ่ง เรือศีศะญวนสองลำ ให้หลวงสมบัติภิรมย์ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา หลวงพิทักษ์โยธา หลวงสวัสดิภักดี ขุนพรหมมนตรี กรมการ คุมดอกไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการเข้าไปทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ๒๑ แลคุมเงินส่วยสาอากรสำหรับเมืองเข้าไปส่งเจ้าพนักงาน ณ กรุง ฯ กำปั่นมณีกลอกสมุท เรือศีศะญวน สองลำได้ใช้ใบจากปากน้ำเมืองสงขลา แต่ ณ วันเดือนสิบเอ็ดขึ้นสามค่ำปีมแมเอกศก ครั้น ณ วันพฤหัสบดีเดือนสามขึ้นสามค่ำปีมแมเอกศก หลวงสมบัติ ภิรมย์ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา หลวงพิทักษ์โยธา ขุนพรหมมนตรีกรมการซึ้งคุมดอกไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการเข้าไปทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย แลคุมส่วยสาอากรเข้าไปส่งเจ้าพนักงาน ณ กรุงเทพพระมหานคร เชิญตราพระคชสีห์แลนามสัญญาบัตรออกมาลุวางเมืองสงขลา ในท้องตราซึ้งพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมออกมานั้นว่า เสด็จพระราชดำเนินออกไปประพาศชมบ้านเมืองฝ่ายทเลปากใต้ถึงเมืองสงขลา พระยาสงขลากรมการได้จัดแจงที่ประทับพลับพลารับเสด็จพระราชดำเนิน แล้วจัดแจงรับพระวงษานุวงษ์ข้างน่าข้างในกับข้าราชการทั้งปวงซึ้งตามเสด็จพระราชดำเนินได้ความศุขสบายด้วยกันทั้งสิ้นมิได้ขัดสน ทรงทอดพระเนตรเมืองสงขลาเปนเมืองไชยภูมิลูกค้าพานิชซื้อขายไปมาคล่องสดวกสนุกสบาย คนไทยคนจีนก็มีมาก หัวเมืองแขกขึ้นก็มีอยู่หลายเมือง ควรจะจัดเปนเมืองใหญ่จะได้เปนสง่าขึ้นกับพระนครเมืองหนึ่ง หลวงสมบัติภิรมย์ผู้ช่วยราชเปนบุตรพระยาสงขลา ใหญ่กว่าบุตรทั้งปวง อายุอานามก็ควรจะชุบเลี้ยงให้มีชื่อเสียงยศถาศักดิ ยวดยิ่งขึ้นไป จะได้ช่วยว่ากล่าวราชการรักษาบ้านเมืองเปนสง่างามกับนานาประเทศราชทั้งปวง แต่ตำแหน่งที่กรมการผู้ใหญ่ก็หาว่างเปล่าไม่ จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระราชทานนามสัญญาบัตรเลื่อนหลวงสมบัติภิรมย์ผู้ช่วยราชการบุตรพระยาสงขลาขึ้นเปนที่พระสมบัติภิรมย์ ผู้ช่วยราชการ ถือศักดินา ๑๐๐๐ ไร่ ให้พระราชทานถาดหมากคนโทกาไหล่ทองคำสำรับหนึ่ง ลูกประคำทองสาย ๑ กะโถนเงินกาไหล่ทองคำใบหนึ่ง เสื้อเข้มขาบพื้นแดงตัวหนึ่ง ส่านไทยผืนหนึ่ง แพรขาวผืนหนึ่ง ผ้าปูมผืนหนึ่ง ออกมาทำราชการ ฉลองพระเดชพระคุณให้เปนเกียรติยศแก่บ้านเมืองสืบต่อไป แลให้พระสมบัติภิรมย์ผู้ช่วยราชการฟังบังคับบัญชาพระยาสงขลา ใหกรมการผู้น้อยฟังบังคับบัญชาพระสมบัติภิรมย์ผู้ช่วยราชการแต่ที่ชอบด้วยราชการ อย่าให้ถือเปรียบขัดแก่งแย่งให้เสียราชการไปแต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ ตามท้องตราซึ้งโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมตั้งออกมาแต่ก่อนจงทุกประการ

@ ครั้น ณ วันศุกรเดือนหกขึ้นค่ำหนึ่ง พระยาศรีเสาวราช ภักดีศรีสมุหพระกระลาโหมฝ่ายพลำพัง มีหนังสือออกมาถึงเมืองสงขลา ในหนังสือนั้นว่าพณหัวเจ้าท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ์ สมันตพงษ์พิสุทธมหาบุรุษรัตโนดม ว่าที่สมุหพระกระลาโหม มีพระประสาทสั่งว่า ให้เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ กรุงเทพพระมหานคร ในเดือนหกเดือนเจ็ดนี้จงได้ แล้วจะได้กลับออกมารับเสด็จสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาทราบความแล้วจัดแจงกำกับปั่นวิเชียรคิรี ให้ขุนวิเศษพานิชเปนนายกำปั่น กะปิตันเหียงอังกฤษเปนตันหน พาหลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา หลวงนา หลวงเทพมาลา ขุนหมื่นมีชื่อ เข้าไปด้วยหลายคน ครั้น ณ วันเสาร์เดือนหกแรมสิบค่ำปีวอกโทศก เพลา ๕ โมงเช้าได้ศุภฤกษ์ ให้ถอดสมอใช้ใบกำปั่นวิเชียรคิรีออกจากเกาะหนูไปสามวันครึ่ง ถึงเมืองสมุทปราการ ณ วันพฤหัศบดีเดือนเจ็ดขึ้นห้าค่ำวางปั่นล่องขึ้นไปถึงคอกระบือ นายกลั่นมหาดเล็กซึ่งเข้าไปรับราชการอยู่ ณ กรุงเทพพระมหานครรู้ความแล้ว กราบเรียนพณหัวเจ้าท่านสมุหพระกระลาโหมโปรดให้ทราบ พณหัวเจ้าท่านสมุหพระกระลาโหมโปรดให้เรือสำปั้นเก๋งลงไปรับเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาที่ก่ำปั่น ณ วันเดือนเจ็ดขึ้นหกค่ำเพลาเช้าเจ้าคุณไปที่บ้านเจ้าคุณกระลาโหม ๆ ถามว่ามากี่วัน เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลากราบเรียนว่ามาสามวันครึ่งถึงหลังเต่า เจ้าคุณกระลาโหมว่ามาไวหนักหนาทีเดียว แล้วเรียกคุณหญิงพันมาบอกว่าเจ้าคุณสงขลามาถึงแล้ว ให้คุณหญิงพันรับรองเอาเปนธุระอัชฌาไศรยทำของคาวของหวานส่งอย่าให้ขาดเพลาได้ ด้วยเมื่อเจ้าคุณกระลาโหมออกไปพักอยู่ที่เมืองสงขลา คุณสงขลาปฎิบัติไม่ได้ขัดสนสิ่งใด เจ้าคุณกระลาโหมปราไสกับเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาตามธรรมเนียม แล้วถามเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาว่ามีสิ่งใด เข้ามาทูลเกล้าทูลกระหม่อมมาถวาย เจ้าคุณผูสำเร็จราชการเมืองสงขลากราบเรียนว่าได้ทำประทุมธาราด้วยเงินใบหนึ่ง หีบถมตะทองทาหีบหนึ่ง กับส้มตรังกานู ผลจำมะดะ กุ้งไม้ เข้ามาถวาย แล้วพระยาศรีเสาวราชกราบเรียนเจ้าคุณกระลาโหมว่าจะโปรดให้เฝ้าในเพลาค่ำวันนี้ฤๅสุดแล้วแต่จะโปรด เจ้าคุณพระกระโหมมีพระประสาทสั่งว่าจะเฝ้าเพลากลางคืนเขาจะข้ามไปไหวฤๅ ให้เฝ้าเสียในเพลาเย็นวันนี้ เจ้าคุณกระลาโหมจะเข้าไปด้วย เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาออกจากบ้านเจ้าคุณกระลาโหมเลยไปเฝ้าเสด็จกรมหลวง ๆ ปราไสตามธรรมเนียม แล้วเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลากราบลาลงมากำปั่น จัดเเจงของถวาย เพลาบ่ายโมงเศษ เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาให้พาของไปคอยท่าอยู่ที่ริมดาบใหม่ เพลาบ่ายสามโมงเศษ เสด็จออกท้องพระโรงพระที่นั่งอนันตสมาคม เจ้าคุณกระลาโหมข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าเฝ้า เจ้าคุณผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา แลพระยาเสาวราชเข้าไปภายหลัง ยกประทุมธาราแลหีบถมเข้าไปตั้ง ทรงทอดพระเนตร

@ เรื่องพงษาวดารของเจ้าพระยาสงขลา บุญสังข์ หมด ฉบับที่ได้มาเพียงเท่านี้ ความที่ยังขาดก็เห็นจะไม่เท่าใด ด้วย ปรากฎข้างต้นว่าหนังสือพงษาวดารตอนนี้ว่า แต่เมื่อเดือน ๑๑ ขึ้น ๕ ค่ำปีมเมียจุลศักราช ๑๒๒๑ เนื้อเรื่องในฉบับมาหมดเพียงพระยาสงขลา บุญสังข์ เข้ามากรุงเทพ ฯ เข้าเฝ้าเมื่อวันเดือน ๗ ขึ้น ๖ ค่ำในปีมแมนั้น ก่อนเวลาแต่งเพียง ๔ เดือน น่าเข้าใจว่าทรงพระกรุณาโปรดให้เลื่อน ยศขึ้นเปนเจ้าพระยาในคราวที่เข้ามาเฝ้านี้ ครั้นกลับออกไปถึงเมือง ฉลองตราแล้ว จึงให้แต่พงษาวดารเมืองสงขลาตอนหลัง เนื่องไปในการฉลองตรา พงษาวดารตอนนี้จึงเปนทำนองประวัติของเจ้าพระยาสงขลาบุญสังข์

จดหมายเหตุอาลักษณมีประกาศตั้งเจ้าพระยาสงขลา บุญสังข์ แต่ในจดหมายเหตุลงเปนปีวอก มีความตามประกาศดังนี้
มีพระบรมราชโองการดำรัสว่า เมืองสงขลาได้ว่าเมืองแขกมลายูประเทศราชขึ้นหลายเมือง ตั้งอยู่สุดเขตรแดนหัวเมืองที่ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ฝ่ายปากใต้ต่อแดนเมืองแขกมลายูหลายทิศหลายทาง เมื่อครั้งแผ่นดินสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ล่วงมาแล้ว ได้ทรงพระมหากรุณาชุบเลี้ยงตั้งพระยาผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา เปนตำแหน่งเจ้าพระยาถือศักดินา ๑๐,๐๐๐ ในครั้งที่ ๑ เปนอย่างมาแล้ว บัดนี้เมืองสงขลาก็รุ้งเรืองจำเริญเปนที่ไปมาค้าขาย ของลูกค้าต่างประเทศ แลลูกค้าในเมืองก็ตั้งตัวทำมาหากินค้าขาย แลทำสิ่งของต่าง ๆ เจริญขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ป้อมแลกำแพงเมืองก็ได้สร้างขึ้น แลทำนุบำรุงใว้ดีงามเปนสง่าก่วาเมืองปากใต้อยู่แล้ว พระยาวิเชียรคิรีศรีสมุทวิสุทธิศักดา มหาพิไชยสงครามรามภักดี พิริยพาห บุญสังข์ คนนี้ ได้เปนผู้สำเร็จราชการเมืองมาได้ ๙ ปีแล้ว มีความชอบต่าง ๆ เปนคุณแก่ราชการมาก แลไม่มีถ้อยความถูกอุทธรณ์ฟ้องร้องแต่กรมการผู้น้อย แลไพร่บ้านพลเมือง แลหัวเมืองแขกประเทศราชแต่สักครั้ง ๑ ก็เห็นว่าเปนความชอบมากอยู่แล้ว ควรจะเลื่อนที่ให้สูงขึ้นตามอย่างแต่ก่อน เพราะฉนั้น บัดนี้ให้ พระยาวิเชียรคิรีศรีสมุท วิสุทธิศักดา มหาพิไชยสงครามรามภักดี อภัยพิริยพาห ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ชื่อตัวว่า บุญสังข์ คนนี้ เปนเจ้าพระยาวิชัยคิรี ศรีสมุทวิสุทธิศักดา มหาพิไชยสงครามรามภักดี อภัยพิริยบรากรมพาหุ ถือศักดินา ๑๐,๐๐๐ จงมีอำนาจได้ว่ากล่าวสิทธิขาดในราชการ ทั้งปวงตลอดแขวงเมืองสงขลา ในครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทะยอดฟ้าจุฬาโลกย์นั้นจงทุกประการ จงเว้นการ ควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ สมควรแก่ตำแหน่งทุกประการ แลรักษาความซื่อสัตย์สุจริตต่อกรุงเทพมหานคร ตามอย่างธรรมเนียมคนที่ทรงพระมหากรุณาชุบเลี้ยงทั้งปวง ขอให้สิ่งซึ่งเปนประธานในโลก คือคุณพระพุทธาทิรัตนไตรย แลอานุภาพเทพยดาที่มีมเหศวรศักดิจงรักษา ให้เจ้าพระยาวิเชียรคีรี ศรีสมุทวิสุทธิศักดา มหาพิไชยสงครามภักดี อภัยพิริยบรากรมพาหุ ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาอยู่เป็นศุข มีความเจริญอายุวรรณ ศุขพละปฏิภาณ ศุภสุนทรสวัสดิสิ้นกาลนาน เทอญฯ

ตั้งมาวัน ๖ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีวอกโทศก เปนปีที่ ๑๐ ของตราดวงที่ประทับนี้ ประจำการแผ่นดินสยาม ศักราช ๑๒๒๒ เปนวันที่ ๓๓๒๗ ในรัชกาลปัจจุบันนี้
------------------------------------------------------
๒๑ แต่กอนเมืองนครศรีธรรมราช เมืองสงขลา ต้องถวายต้นไม้ทองเงิน เลิกในรัชกาลที่ ๕ เมื่อจัดมณฑลเทศาภิบาล 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรียบเรียงโดย คุณเพิ่มสิทธิ์ ณ สงขลา (เบิร์ต)
Back to Top